รีวิวร้าน Pizzeria Mazzie พาร์ค เลน เอกมัย

ร้านพิซซ่าสไตล์นิวยอร์ก เอกลักษณ์สุดเท่ห์มีเตาอบใหญ่มากตั้งอยู่ในร้านที่สั่งตรงมาจากอิตาลี พิซซ่าทุกถาดทำให้ดูแบบสดๆ แป้งทำเอง ซอสมะเขือเทศโฮมเมด และ ทางร้านได้ใช้ไม้คุณภาพดีที่สุดเพื่ออบพิซซ่าให้อร่อยหอม ลองสักครั้งแล้วคุณจะติดใจ

คุณ Jonathan Spearman เจ้าของร้านได้พิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบที่ตัองสดและสะอาดในทุกวันด้วยตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้ทานอาหารที่ดีที่สุดจากร้านเค้า

พิซซ่าแต่ละถาดทำสดทุกถาด นวดแป้ง ใส่ซอส ใส่เครื่องให้เราดูเลย จุดเด่นอยู่ที่แป้งที่ทำเอง แป้งบางกรอบ ไม่เหนียว ทานแล้วไม่ติดคอ อร่อยแบบต้นตำรับ

เมนูมาแล้วต้องสั่ง

• Pepperoni ราคา 450 บาท

• No.3 ราคา 470 บาท

• Brooklyn Classic Cheese ราคา 350 บาท

ทางร้านยังมีหน้าพิซซ่าให้เลือกอีกมากมาย ทั่งซอสแดงและซอสขาว และเมนูอื่นอีกหลายอย่างด้วยนะ ลองมาชิมกัน วันนี้พิมกินสามถาด เมนูอื่นก็ไม่ไหวแล้ว แต่ละถาดใหญ่มาก ^^

ราคาเครื่องดื่ม

• น้ำเปล่า ขวดละ 80 บาท

• กาแฟ 80/90 บาท

(ดูราคาในเมนูได้เลยจ้า)

บรรยากาศในร้านมีหลายมุมให้เลือกนั่ง จะเป็นโต๊ะ หรือหน้าบาร์ดูเชฟทำพิซซ่าให้ดู ก็ไม่รู้สึกอึดอัด เกาอี้แบบสูงนั่งสบาย นั่งเมาท์กับเพื่อนชิวสุด พนักงานดูแลดีด้วยน่า

* ภาพเพิ่มเติมจากทางร้าน *

ใครที่ชอบทานพิซซ่า ร้านมาซิ พิซซาเรีย เป็นอีกร้านที่พิมซีพีเคแนะนำค่ะ อร่อยจริง ไม่โกหก ก่อนมาโทรมาจองโต๊ะก่อนน่า ร้านเค้าเต็มทุกวัน เดี๋ยวไม่มีโต๊ะนั่งนะ

รายละเอียดเพิ่มเติม

เวลาเปิดปิด 17.30-22.30

ศุกร์-เสาร์ 17.30-24.00

เบอร์โทร 02 060 8822

https://www.facebook.com/pizzeriamazzie/

พิกัด โครงการพาร์คเลน(Park Lane) สุขุมวิท63

เที่ยวมาเลเซีย(KL) ง่ายนิดเดียว

“ข่าวดีสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน เพราะตอนนี้ Traveloka จัดแคมเปญ EPIC SALE แคมเปญลดราคาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยมอบส่วนลดสูงสุดถึง 80% จองได้ตั้งแต่ 25-29 กันยายน 2019 และเดินทางได้ถึงกลางปี 2020 เลย กดรับส่วนลด และดูรายละเอียด คลิก

https://www.traveloka.com/th-th/promotion/epicsaleth

จองตั๋วเครื่องบินมาเลเซีย https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-malaysia

Kuala Lumpur หรือเรียกสั้นๆ KL ประเทศมาเลเซีย เป็นอีกเมือง อีกประเทศที่พิมซีพีเคประทับใจ ประเทศเพื่อนบ้านที่มาง่าย ค่าเงินไม่แพง คนอัธยาศัยดี เดินได้รอบๆมีต้นไม้ลัอมรอบ หรือถ้าขี้เกียจ ประเทศเค้ามีแก๊บ(Grab Taxi) คอยพาไปที่เที่ยว ในราคาไม่แพง ไปไหนก็สะดวก

วันนี้พิมจะพาไปเที่ยวรอบๆห้างหาของอร่อยทานกัน ห้างดังของ KL มีชื่อว่า Pavilion ข้างในห้างก็จะคล้าย ไอคอน สยาม ของบ้านเรา หรูหรา ของแบรนด์ดังเต็มห้าง แต่เอาจริงๆๆกลับมาช๊อปปิ้งบ้านเราก็ได้ ราคาเท่ากันเลย

ข้างๆก็จะมีอีกห้างชื่อ Isetan ก็จะขายของญี่ปุ่นพวกอาหารญี่ปุ่น ของใช้ญี่ปุ่น เสื้อผ้าแบรนด์ญี่ปุ่นบ้าง และมี ของฝากของมาเลเซีย ขนม ช๊อคโกแลต กาแฟ ซื้อได้ที่นี่

ร้านอาหารที่จะพาไปทาน ชื่อร้านว่า Jambo King เป็นอาหารฟิวส์ชั่น ที่หลักๆก็ขายอาหารมาเลเซียนะแหละ

บรรยากาศน่านั่ง อยู่ในห้องแอร์เย็นๆ เพราะอยู่ในตัวห้าง Pavilion ชั้น1

อาหารที่ต้องสั่ง ก็จะเป็น ” Roast Pork Curry Noodle” รสชาติคล้ายๆข้าวซอยบ้านเรา ราคาก็มีตามขนาดแล้วแต่เราเลือก

ชามใหญ่อยู่น่า ขนาดเล็กแทบกินไม่หมด เครื่องดื่ม มาแล้วก็ลองน้ำผลไม้บ้านเค้าสักหน่อย รสชาติเฟื่องๆออกเปรี้ยวนิดๆนะ คล้ายๆน้ำฝรั่ง ค่ะ

ราคาอาหารก็ไม่แพง มาทานในห้างหรือจะทานแบบ Street food ราคาก็ไม่ต่างกันมากค่ะ แล้วแต่เพื่อนๆชอบแบบไหน

ร้าน Jumbo King

พิกัด ชั้น1 ห้าง Pavilion, Kuala Lumpur.

รายละเอียดเพิ่มเติม

https://www.facebook.com/126SeafoodVillage/videos/450819498734317?sfns=mo

ใครผ่านไปผ่านมาแถวนี้ ลองแวะตามรอยพิมซีพีเคได้นะจ๊ะ ยังมีอีกตั้งหลายร้านที่อยากลอง ไว้มาเคแอลคราวหน้าจะมานำเสนอของอร่อยหาง่าย ไม่ต้องเดินทางลำบาก มาฝากเพื่อนๆอีก แน่นอน

#Pimcpk แนะนำแต่ของดีดี

เที่ยวเวียดนาม แบบชิวๆ

“ข่าวดีสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน เพราะตอนนี้ Traveloka จัดแคมเปญ EPIC SALE แคมเปญลดราคาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยมอบส่วนลดสูงสุดถึง 80% จองได้ตั้งแต่ 25-29 กันยายน 2019 และเดินทางได้ถึงกลางปี 2020 เลย กดรับส่วนลด และดูรายละเอียด คลิก

https://www.traveloka.com/th-th/promotion/epicsaleth

จองตั๋วเครื่องบินเวียดนาม

https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-vietnam

เที่ยวเวียดนามง่ายๆ เดินทางก็สะดวก ไม่ไกลและไม่แพง สถานที่ท่องเที่ยวก็มีให้ดูมากมาย มาเที่ยวคราวนี้พิมสนใจ อยากไปดูวิหารของทางเค้าหรือมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนาม ที่นี่ห้ามพลาด

วิหารวรรณกรรม ภาษาเวียดนามเรียกว่า วันเหมียว (Van mieu) สร้างขึ้นเพื่อเป็นโรงเรียนของพวกขุนนาง และยังเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติแห่งแรกของเวียดนาม และยังเป็นสถานที่ใช้สอบจองหงวนในสมัยโบราณ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นกว็อกช็อกเวียน (Quoc Hoc Vien) บริเวณโดยรอบมีบ่อน้ำ และต้นไม้ใหญ่เขียวชอุ่ม ศาลเทพเจ้าขงจื้อ ซึ่งมีการวางแผนผังมาอย่างดี และภายในวิหารจะมีแผ่นหินจารึกชื่จอหงวน ซึ่งปัจจุบันได้เป็นวัดที่นักเรียนนักศึกษาชาวเวียดนามมักจะมามาขอพรในการสอบ

ตอนไปก็จะมีนักเรียนที่เรียนจบ มาถ่ายรูป น่ารักมาก

สถานที่กว้างใหญ่ เดินดูรอบๆๆ มีมุมถ่ายรูปเยอะอยู่ค่ะ

ถ้าต้องการรู้ประวัติอย่างละเอียด ทางวิหารมีไกด์แต่ไม่แน่ใจราคาเท่าไหร่ แต่เห็นเค้าเดินฟังเป็นกลุ่มๆ แต่ตอนพิมไปไม่ได้ใช้ แค่เดินๆดูรอบๆ

ศิลาจารึกเต่าหิน จะมีโดยรอบ รูปแบบมีการผสมผสานเวียดนามกับจีน

เดินไปอีกหน่อย เค้าก็มีร้านขายของที่ระลึกราคาไม่แพง แต่ละชิ้นน่ารักๆ

ราคาค่าเข้า 30,000 ดอง

เวลาปิด-เปิด ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 07.30 – 17.30 น. , เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 07.30 – 20:30 น.

ที่ตั้ง 58 Quoc Tu Giam, Van Mieu, Dong Da, Hanoi

เพื่อนๆท่านใดมีแผนจะมาเวียดนาม ที่นี่เป็นอีกที่ที่เราไม่ควรพลาด ไว้พิมซีพีเคจะมาเล่าที่อื่นของเวียดนามอีกนะ คราวนี้มาแบบกระทันหัน ยังมีอีกหลายที่ที่อยากไปมาก

#Pimcpk แนะนำแต่ที่ดีดี

โรงเรียนสอนทำอาหาร ‘Old Town Thai Cooking Studio’ โดย เชฟปู ปูริดา ธีระพงษ์

 “ความสุขของการทำอาหารคือการได้แบ่งปัน”

ด้วยเชื่อมั่นว่า “ความสุขของการทำอาหารคือการได้แบ่งปัน” เป็นแรงบันดาลใจให้ ‘เชฟปู – ปูริดา ธีระพงษ์’ เชฟหญิงแกร่ง ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านอาหาร ผู้เป็นที่รู้จักดีในฐานะเชฟผู้ชนะจากรายการเชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย (Iron Chef Thailand) และผู้เข้าแข่งขันในรายการสงครามปลายจวัก (Kitchen War Thailand) ตัดสินใจเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารไทย เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ ความสุข และเคล็ดลับการรังสรรค์อาหารไทยให้เลิศรส ขึ้นที่ย่าน ‘เจริญกรุง’ ย่านเมืองเก่าซึ่งถือเป็นถนนสายแรกของประเทศไทย ‘Old Town Thai Cooking Studio’ คือจุดนัดพบของนักท่องเที่ยวสายชิม และคนที่มีใจรักในอาหาร อยากเรียนรู้ทั้งกรรมวิธีปรุงอาหาร และเรื่องราววัฒนธรรมกินอยู่อย่างไทยได้รสชาติ

 ‘Old Town Thai Cooking Studio’ ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 67 ใกล้กับวัดสุทธิวราราม อันเป็นย่านเมืองเก่าซึ่งแวดล้อมไปด้วยชุมชนตึกแถวอาคารพานิชย์ ซึ่งบางแห่งเป็นตึกโบราณมีอายุนับร้อยปี โดยตัวอาคารของโรงเรียนสอนทำอาหารของเรารีโนเวทปรับปรุงมาจากอาคารเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 50 ปี หากยังคงรักษาความขรึมขลังของสถาปัตยกรรมในยุคเก่าเอาไว้ ทั้งละแวกนี้ยังอุดมไปด้วยชุมชนของผู้ที่ทำการค้า ตลาด บรรยากาศในย่านนี้จึงอบอวลไปด้วยสีสันและกลิ่นอายของเมืองเก่าที่ผสมผสานกับเมืองใหม่ได้อย่างร่วมสมัย รวมถึงร้านอาหารที่ส่งต่อสูตรอาหารเก่าแก่มาหลายชั่วอายุคน ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสและเรียนรู้

‘Old Town Thai Cooking Studio’ เป็นโรงเรียนสอนทำอาหารที่สามารถเปิดรับผู้เรียนได้คราวละ 12-20 ท่าน เรามีคลาสสอนทำอาหารที่ตอบโจทย์ความสนใจที่หลากหลาย ของทั้งนักท่องเที่ยวและชาวไทยผู้สนใจอยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะและศาสตร์การปรุงอาหารไทย ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดโดย ‘เชฟปู – ปูริดา ธีระพงษ์’ เชฟผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย ทั้งในด้านการสอนและการจัดการธุรกิจร้านอาหารไทย ผู้มีประสบการณ์อยู่ในแวดวงอาหารของไทยและระดับสากลยาวนานหลายสิบปี

นอกจากนักเรียนจะได้นั่งรถตุ๊กๆ ไป ‘Market Tour’ เพื่อสัมผัสกับ ‘ตลาดสดแสงจันทร์’ ในย่านเก่าแก่ของเจริญกรุงแล้ว ชั้นเรียนของเรายังประกอบไปด้วย 6 คลาส ซึ่งแต่ละคลาสยังประกอบไปด้วย 5 เมนูที่เข้ากับธีมนั้นๆ ที่ผู้เรียนสามารถเลือกลงทะเบียนได้ตามความสนใจ อันได้แก่

Old Town Thai – ด้วยเจริญกรุงอันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนของเรานั้น เป็นย่านเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เป็นถนนสายแรกที่สร้างตามแบบตะวันตกระหว่างปี พ.ศ. 2404 ถึง 2477 ทั้งยังมีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติของผู้อยู่อาศัย เมนูที่เรารวบรวมมานี้จึงได้รับแรงบันดาลใจและต้องการบอกเล่าเรื่องราวความเก่าแก่และหลากหลายของอาหารในละแวกนี้ เป็นต้นด้วย ปอเปี๊ยะทอด ลาบไก่ ผัดไทย ผัดเปรี้ยวหวาน และข้าวเหนียวมะม่วง

Thai Street Food – เมืองไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ได้รับการยกย่องว่าเต็มไปด้วยอาหารข้างทางที่หลากหลายและมีสีสันมากที่สุด ซึ่งชาวต่างชาติสายชิมต่างก็มุ่งหวังจะเดินทางมาสัมผัสลิ้มรสกันสักครั้ง เมนูที่เรานำมาจัดรวมกันชุดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่ต่างชาติให้ความนิยม และรู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะสตรีทฟู้ดของไทย เช่น ส้มตำ ไก่สะเต๊ะ ผัดผักบุ้ง ผัดกะเพรา และข้าวเหนียวมะม่วง

Thai Favourite – เพราะเชื่อว่าคนชาติใดที่ได้ลิ้มรสอาหารไทย เป็นต้องติดอกติดใจกันทุกราย นอกจากรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ อาหารไทยยังถือเป็นสมบัติของชาติที่ตกทอดสืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต ภูมิปัญญา ศิลปะวัฒนธรรม ผ่านทางอาหาร เราจึงอยากจะเป็นสื่อกลางในการนำเสนอรสชาติของอาหารจานเด็ดต่างๆ ของไทย ที่ได้รับความนิยม ผ่านทางเซตเมนูชุดนี้ของเรา และเมนูเด่นของไทยที่เลือกมาอยู่ในอาหารชุดนี้ ได้แก่ ปอเปี๊ยะทอด ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวานไก่ ข้าวผัดสับปะรด และกล้วยบวชชี

Thai Delicacy – อาหารไทยเป็นเครื่องแสดงถึงภูมิปัญญาและเอกลักษณ์ของชนชาติไทย อาหารไทยนั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละสูตร ซึ่งส่วนผสมที่หลากหลายของการปรุงรสของอาหารไทยผสมผสานจนรสชาติอาหารที่อร่อยกลมกล่อม ทำให้ผู้รับประทานรู้สึกพึงพอใจที่ได้ลิ้มอาหารเลิศรส เมนูชุดนี้ต้องการจะบอกเล่าให้เห็นถึงภูมิปัญญาด้านของอาหารไทย อาทิ ต้มข่าไก่ ยำวุ้นเส้น ผัดกระเพรากุ้ง ผัดผักบุ้งไฟแดง และ ทับทิมกรอบ

Thai Sam Rub – วัฒนธรรมคนไทยนับแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน เมื่อรับประทานอาหารมักจัดใส่ไว้ในสำรับเดียวกันเพื่อสะดวกในการรับประทาน ดังนั้นการกินอาหารไทยให้ได้รสชาติ สิ่งสำคัญคือการจัดสำรับให้ได้สมดุลของรสชาติ ความอร่อยก็จะบังเกิด เมนูสำหรับสำรับนี้ อาทิ ยำส้มโอ น้ำพริกเผาผักสด แกงเลียงกุ้งสด ผัดมะเขือยาว สังขยาฟักทอง

Grandma’s Recipe – ว่ากันว่าอาหารที่อร่อยที่สุด คืออาหารฝีมือคุณแม่หรือคุณยายที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น เพราะเราโตขึ้นก็จะยิ่งคิดถึงจความทรงจำในวัยเด็กมากยิ่งขึ้น ในเซตเมนูนี้เราจึงรวบรวมเมนูที่แม่ชอบทำให้กินตอนเด็กๆ หรือหากมีโอกาสก็ให้ลองทำอาหารให้คุณแม่กินบ้าง เซตเมนูแห่งความทรงจำอันแสนอบอุ่นนี้ ได้แก่ เมี่ยงคำ ยำถั่วพู ต้มข่าไก่ ข้าวผัดกระเพรา และขนมดอกจอก

เกี่ยวกับ ‘เชฟปู – ปูริดา ธีระพงษ์’

เชฟหญิงแกร่ง ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านอาหาร ผู้มีความสามารถในลำดับแถวหน้าของเมืองไทยที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงจากสื่อต่างๆ อย่าง Bangkok Post, Bangkok 101 และ China Daily พิสูจน์ความเก่งฉกาจในฐานะเชฟจากการเป็นเชฟผู้ชนะจากรายการเชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย (Iron Chef Thailand) และผู้เข้าแข่งขันในรายการสงครามปลายจวัก (Kitchen War Thailand) ซึ่งทำให้เธอเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

เชฟปูเริ่มต้นเข้าสู่เส้นทางธุรกิจอาหารอย่างจริงจังตั้งแต่เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วด้วยการเดินทางไปเรียนต่อที่ ทางด้าน Cookery and Hospitality Management  ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ควบคู่กับการทำงานไปด้วย ภายหลังเรียนจบและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ใช้ชีวิตพำนักอยู่ที่ออสเตรเลียนานถึง 12 ปี เคยทำงานเป็นทั้งเชฟประจำร้านอาหาร เชฟดูแลแคทเทอริ่ง เคยเปิดร้านอาหารของตัวเองภายใต้แบรนด์ Spice Lovers จนประสบความสำเร็จมาแล้ว ก่อนตัดสินใจกลับมาเมืองไทย เชฟปูเคยเป็นทั้ง Excutive Sous Chef และ Excutive Chef ดูแลโรงแรมดังๆ มาแล้วมากมาย อาทิ Radisson Plaza Phuket , ห้องอาหารไทยสุธารส ของ โรงแรม Muse ไปจนถึงเป็นเชฟใหญ่ของ The Berkeley Hotel Pratunam ซึ่งทำให้เธอได้มีประสบการณ์ในการเรียนรู้เรื่องการโอเปอเรชั่นครัวสำหรับโรงแรมขนาดใหญ่ซึ่งมีแขกมากกว่า 2,000 คน มาจนถึง ‘Osha’ ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งสไตล์โมเดิร์นชื่อดังจากสหรัฐอเมริกาซึ่งเปิดสาขาทั้งในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเอเชียทีค

เชฟปูเชื่อว่าด้วยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยที่สั่งสมกันมา ผนวกกับการเลือกวัตถุดิบที่เหมาะสม และทักษะด้านการครัวที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมนั้น ย่อมขยายความเป็นไปได้อันไม่สิ้นสุดให้กับอาหารไทย ด้วยใจรักในอาหารไทย และแสวงหาความท้าทายให้ชีวิตยังคงมีไฟอยู่เสมอ เชฟปูจึงได้เปิดโรงเรียนสอนทำอาหาร ‘Old Town Thai Cooking Studio’ ที่ซึ่งจะช่วยให้เธอสามารถแบ่งปันทั้งความรู้ ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญทางด้านอาหารไทย รวมถึงแบ่งปันความสุขในอาหารร่วมกับทุกคนที่สนใจอยากเรียนรู้ในสิ่งเดียวกันนี้กับเธอ

Old Town Thai Cooking Studio

ตั้งอยู่ที่ :  19/12-14 เจริญกรุง 67 ยานนาวา สาทร กรุงเทพฯ 10120

โทร. : 061 632 4551 หรือ 02 086 2463

อีเมล์ : oldtownthaicooking@gmail.com

Instagram : OldTownThaiCooking 

Facebook : OldTown Thai Cooking

ข้อมูลเพิ่มเติมและเช็กตารางเรียน : www.oldtownthaicooking.com

รีวิวร้าน Koi Restaurant Sathorn บรรยากาศดีจนไม่อยากกลับบ้าน.

ร้านอาหารสุดหรู วิวกรุงเทพสุดอลังการ อาหารญี่ปุ่นสไตล์แคลิฟอร์เนียรสเลิศ ที่สำคัญราคาไม่แพง

” Koi Restaurant Sathorn” มาที่เดียวสนุกได้ทั้งคืน

ร้านอาหารที่ไม่ใช่แค่ร้านอาหาร ร้านดูไม่น่าเบื่อเหมือนร้านอื่นๆ ที่ต้องแต่งตัวสวยมานั่งเกร็ง ที่นี่ฟิลนั่งสบายๆชิลเอ๊าท์กับเพื่อน หรือจะดินเนอร์กับคนรักก็โรแมนติกสุดๆ

ร้านมีหลายมุมให้เลือก แต่ละมุมสวยๆทั้งนั้น จะนั่งโซฟาหรือจะนั่งโต๊ะอาหาร ก็เห็นวิวกรุงเทพทุกมุม

มาเป็นกลุ่มเป็นแก๊งอยากนั่งห้องวีไอพี ที่ Koi ก็มีห้องรับรอง ห้องเล็กห้องใหญ่ จะให้เซทเมนูในราคาที่เพื่อนๆกำหนดก็ได้ ลองมาคุยกับทางร้านดูน่า พนักงานบริการดีสุดๆ จะประชุม สัมมนา กลางวันเค้าก็เปิดนะจ๊ะ

หรือถ้าเพื่อนๆอยากจะมาจัดงานปาร์ตี้วันเกิด งานสละโสด งานแต่ง หรืองานอื่นๆ Koi ก็มีบริการ ห้องเลาจน์จะจ้างดีเจมาเอง หรือ จะให้ทางร้านจัด บอกมาเลย ที่นี่เนรมิตได้ทุกอย่าง

ดึกๆๆทานอาหารอิ่มแล้วอยากจะไปเต้น อยากฟังเพลงเดินไปอีกฝั่งก็มีไนท์คลับชื่อ The Club at Koi คลับนี้เค้าดังน่า มีดีไซเนอร์ชื่อดังมาจัดงานแฟชั่นโชว์บ่อยมาก ดีเจเปิดเพลงมัน เต้นจนเหนื่อย วัยรุ่นชอบมาโดยเฉพาะวัยรุ่นต่างชาติ

ในส่วนของเมนูเครื่องดื่ม

แนะนำ Koi’s signature

Midnight Train To Sathorn ราคา 380 บาท

Zetsumyou ราคา 420 บาท


KOI สาเก สาเกสูตรพิเศษที่คิดค้นโดยหัวหน้า Mixologist ประจำร้าน เป็นสาเกระดับจุนไมที่ถือเป็นเกรดพรีเมี่ยมของกระบวนการผลิตจากญี่ปุ่น ใช้ข้าวคุณภาพดีในการหมัก และปราศจากสารปรุงแต่งอื่นๆ เช่น น้ำตาล แอลกอฮอล์ มีเฉพาะแค่สาขาสาทร ประเทศไทยเท่านั้น
ราคา 800++ บาท

อาหารที่ Koi เป็นอาหารญี่ปุ่นที่มีการผสมผสานรสชาติโปรดของชาวแคลิฟอร์เนียลงไปจนได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ได้อย่างลงตัว

จากการเปิดตัวครั้งแรกที่ลอสแองเจลิสในปี 2545 Koi Group ได้เผยแพร่ความเป็นเอกลักษณ์ในด้านอาหารญี่ปุ่นที่มีความทันสมัยใน นิวยอร์ค, ลาสเวกัส, อาบูดาบี จนมาถึงกรุงเทพ ได้เป็นที่นิยมของแขกชั้นนำและนักธุรกิจสูงทั่วโลก

เมนูที่จะมาแนะนำ มา Koi แล้วต้องสั่ง
Salmon Carpaccio – Seared Salmon with Yuzu Ponzu Sauce top with truffle mushroom. ปลาแซลมอนสดชุ่มน้ำซอสพอนซึที่มาจากการหมักของส้มยูซุ ได้รสชาติเปรี้ยวนำ เหมาะสำหรับเป็นจานเปิดเมนูเรียกน้ำย่อยเพื่อให้เจริญอาหารมากขึ้น
ชุ่มๆหอมเห็ดทรัฟเฟิล รสชาติดี อร่อยมากตัวนี้ แนะนำมาแล้วต้องสั่ง ราคา 650++ บาท

Koi Crispy rice Tuna (Or Salmon)
นำข้าวซูชิชุบโซยุทอด กรอบนอกนุ่มใน ท๊อบด้วยทูน่ารสชาติจะออกเผ็ดนิดๆ เมนูนี้ห้ามพลาด
ราคา 420++บาท

Geleno Roll เมนูมีเรื่องราวนะจ๊ะ
เมนูนี้กำเนิดขึ้นที่ New York จากลูกค้าที่เป็นลูกค้าประจำ ชื่อว่าMr.Geleno อยากให้เชฟครีเอทเมนูโรลที่แตกต่างและไม่เหมือนใครให้ทาน เชฟเลยคิดครีเอทเมนูนี้ขึ้นมาและตั้งชื่อว่า Geleno Roll ตามชื่อลูกค้าท่านนั้น ซึ่งต่อมาก็กลายเป็น Signature Roll ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีที่ koi ที่เดียวน่าและขอบอก อร่อยมาก พิมซีพีเคกินคนเดียวเกือบหมด (55) รสชาติถูกปากคนไทยแน่นอน มีความเผ็ดนิดๆและข้าวนุ่มมาก

ราคา 580 ++ บาท

สำหรับคนที่ต้องการลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม ซาชิมิชิ้นหนาเกรดพรีเมี่ยมที่ถูกคัดสรรอย่างปราณีตมาถึง 10 ชนิด

1. Bluefin Tuna – Chutoro ส่วนท้องทูน่ามันน้อย

2. Bluefin Tuna – Ootoro ส่วนท้องทูน่ามันเยอะ

3. Yellowfin Tuna – Akami ทูน่าเนื้อแดง ส่วนไร้มัน

4. Madai (Japanese Snapper)

5. Ikura

6. Hamachi

7. Salmon 8. Hotate (หอย) 9. Botan (กุ้ง) 10. Taco (เนื้อปลาหมึกยักษ์)

ราคาสำหรับทาน 3 ท่าน 3,200 ++ บาท คุ้มสุดๆ

ชิ้นหนาๆๆ เนื้อปลาสดมาก

ไข่ปลาเม็ดโต ไม่มีคาว

สำหรับคนที่ชอบทานเนื้อ ต้องชอบเมนูที่พิมกำลังจะมานำเสนอ เพราะมันอร่อยมาก
Peppercorn Australian Wagyu Fillet Mignon Toban Yaki – Hi-quality Australian imported beef steak served with mashed potato mixed with truffle oil สเต็กเนื้อวากิวนำเข้าจากออสเตรเลีย ปรุงสุกด้วยซอสเกรวี่ร้อนบนจานเซรามิคจากเตาอบ เสิร์ฟมาขณะที่ตัวซอสยังเดือดอยู่ ทานคู่กับมันบดที่คลุกเคล้ากับน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล ราคา 1,300 ++ บาท

เนื้อสุกกำลังดี ชุ่มด้วยซอสที่เข้าเนื้อ เวลาทานเนื้อนุ่มมากๆ ตัวซอสอร่อยสุดๆ มาKoi มาทานแค่ตัวนี้ก็ฟินแล้ว

มาถึงเมนูขนมหวาน ต้องห้ามพลาด Koi เค้าไม่ได้มีดีแค่อาหารคาว ขนมก็อร่อยจนแทบวางช้อนไม่ได้

Kurogoma&Matcha ราคา 450++ บาท

ใครได้มาร้านนี้ รับรองต้องติดใจเหมือนพิมซีพีเคแน่นอน

#พิมซีพีเค แนะนำแต่ของดีดี

รายละเอียดเพิ่มเติม

ร้าน Koi Restaurant Sathorn

พิกัด อาหารสาทรสแควร์ ชั้น 39 BTS ช่องนนทรีย์

เวลาปิดเปิด วันจันทร์-วันเสาร์ มื้อกลางวัน 11.30น.-15.00น. มื้อค่ำ 18.00น.-02.00น.
เบอร์จองโต๊ะ 080 3535 197, 02 108 2005https://www.facebook.com/koirestaurantbkk/

https://www.facebook.com/theclubatkoi/