รีวิวทริปลำปาง ไม่ลำพัง พาขับรถเที่ยวทั่วลำปาง

รีวิวทริปลำปาง ไม่ลำพัง พาขับรถเที่ยวทั่วลำปาง

อากาศแบบนี้ แพ็คของใส่กระเป๋าแล้วมุ่งหน้าขึ้นเหนือกันดีกว่า ใครที่กำลังตามหาพิกัดซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบาย แต่ก็ให้ฟีลเรียบง่าย ไม่อึกทึกหรือแออัดจนเกินไปนัก อยากชวนให้ปักหมุดลำปางกันดูจ้า แล้วแนะนำว่าให้จัดทริปขับรถเที่ยวจะชิลล์กว่า สะดวกสบายแถมยังได้ฟีลแบบ new normal ด้วยนะ ถ้าสนใจตามรอยทริปนี้ ลองไปมองหาตั๋วเครื่องบินลำปางราคาดีได้ที่ Traveloka เลยน้า ราคาประหยัด จัดทริปได้แบบไม่ปวดใจ ใครจะไปลำปางตอนนี้ต้องฉีดวัคซีนโควิดให้เรียบร้อยก่อนน้า แล้วอย่าลืมโหลดแอพฯ ‘ลำปางชนะ’ ไว้ด้วยล่ะ เอาละ … ออกสตาร์ทกันได้เลย!

รีวิวทริปขับรถเที่ยวลำปาง

ก่อนที่จะไปดูรีวิวที่เที่ยวลำปาง เรามาบอกเคล็ดลับการเดินทางเที่ยวลำปางกันสักหน่อยดีกว่า เพราะว่าที่เมืองลำปาง คุณสามารถจองรถเช่า หรือเช่ารถขับเที่ยวลำปาง ด้วยการจองล่วงหน้าในแอพ Traveloka จากนั้นกดเข้าไปจองรถเช่า แล้วรอรับที่สนามบินกันได้เลย

ทางไปจองรถเช่า หรือเช่ารถ กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/car-rental

ขอเริ่มพาออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังพิกัดแรกอย่าง น้ำตกวังแก้ว ซึ่งหลายคนบอกว่านี่ละคือน้ำตกที่สวยที่สุดของจังหวัดลำปาง น้ำตกนี้แบ่งออกเป็นชั้นย่อยๆ ถึง 102 ชั้น โดยแบ่งเป็นชั้นใหญ่ๆ ได้ราวๆ 7 – 8 ชั้น มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติให้ได้เดินชมนกชมไม้กันในระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร ด้านบนสุดของน้ำตกนี้มีหมู่บ้านชาวเขาเผ่าเย้าตั้งอยู่ด้วยนะ คนรักน้ำ รักป่า รักธรรมชาติ ไม่ควรพลาดจ้า ปักหมุดมาให้ไว


ชวนกันขับรถต่อมาอีกระยะใหญ่ๆ เพื่อมุ่งหน้าไป Blue Lagoon แห่งเมืองเหนืออย่าง หล่มภูเขียว บ่อน้ำสีฟ้าเทอควอยซ์ใสแจ๋วกลางผืนป่าเขียวขจี ที่เคยมีบางข้อสันนิษฐานกันว่าที่ตรงนี้อาจจะเคยเป็นปากปล่องภูเขาไฟในยุคอดีตด้วยนะ ว่ากันว่าเคยมีคนลองดำน้ำลงไปสำรวจด้านล่างแต่ก็ยังไม่เคยมีใครไปถึงก้นบ่อได้ เชื่อว่าที่นี่อาจจะลึกลงไปเกินกว่า 40 เมตรเลยเชียวละ ถึงจะน่าลงไปแหวกว่ายแค่ไหนก็ดูกันแต่ตาก็พอน้า จะได้เที่ยวกันแบบปลอดภัยจ้า มาถ่ายรูปชิลล์ๆ ก็พอ

แม้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทนั้นจะมีน้ำตกให้ดูกันหลายแห่ง แต่หนึ่งพิกัดที่ไม่เหมือนใครก็คือ น้ำตกเกาฟุ นี่ละ เพราะนี่คือน้ำตกซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เกิดจากฝีมือคนเพียงคนเดียวจ้า โดยผู้สร้างน้ำตกนี้คือนายเกาฟุ ซึ่งใช้เวลาถึง 30 ปี โดยมีเพียงจอบและเสียมในการเนรมิตน้ำตกนี้ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำสาธารณะของชุมชนที่ตนเองอยู่อาศัย ทำให้น้ำตกแห่งนี้มีน้ำไหลตลอดทั้งปีเลยนะ เราว่าเป็นอีกหนึ่งพิกัดสุด unseen ที่มาดูด้วยตาแล้วจะรู้สึกว่าน่าทึ่งจริงๆ

อีกพิกัดที่น่าสนใจสำหรับนักเดินทางสายผจญภัยทั้งหลาย ก็คือการมาชมความสวยของ ถ้ำผาไท นี่ละ เพราะนี่คือถ้ำที่มีการสันนิษฐานกันว่าเป็นถ้ำที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากมีการค้นพบเถ้าภูเขาไฟอายุ 15 ล้านปีกันด้านในด้วยจ้า ถ้ำผาไทนั้นมีทางเดินลึกเข้าไปจากปากถ้ำประมาณ 1,150 เมตร มีลักษณะเป็นโถงขนาดใหญ่เกิดจากภูเขาหินปูนอายุไม่ต่ำกว่า 9 ล้านปี ด้านในมีหินงอกหินย้อยที่สวยงามให้ชมหลายจุดเลยนะ สายแอดเวนเจอร์น่าจะถูกใจเชียว

หลังจากขับรถกันมาทั้งวัน การได้ไปนอนแช่น้ำร้อนที่ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน คือที่สุดแห่งความฟินเลยละ ถ้าแรงยังเหลือเดินเล่นตามทางที่มีขึ้นไปชมน้ำตกแจ้ซ้อนที่อยู่ด้านบนกันก่อนก็ยังได้ แล้วมาผ่อนคลายกันด้วยการนอนแช่น้ำร้อนท่ามกลางอากาศเย็นสบาย ให้ฟีลออนเซ็นแบบไทยๆ ที่ชิลล์สุดๆ เชียวละ จะแช่บ่อรวมกันครึกครื้นดี หรือจะแช่บ่อส่วนตัวก็สงบสบาย ถ้าอยากนอนบ้านพักที่มีให้บริการก็ต้องติดต่อจองกันมาล่วงหน้าน้า แต่ถ้าอยากได้ฟีลแค้มปิ้งเค้าก็มีที่ให้กางเต็นท์กันได้ด้วยนะ นั่งรถมาเมื่อยๆ คือหายเหนื่อยเลยจ้า บอกไว้เลยว่าดี!

ถ้าอยากได้ฟีลการมานอนพักกลางผืนป่าเขียวขจีที่มีบรรยากาศแสนสงบและอากาศเย็นสบาย ลองขับรถจากบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนมาอีกราวๆ 14 กิโลเมตรก็จะได้มาเช็คอินกันที่ บ้านป่าเหมี้ยง หมู่บ้านเล็กๆ ในอ้อมกอดขุนเขาซึ่งมีบรรยากาศสุดสโลว์ไลฟ์ ที่นี่มีโฮมสเตย์เปิดให้บริการด้วยนะ ทุกหลังให้ฟีลสุดชิลล์และบรรยากาศที่อบอุ่นมาก ได้กินอาหารเมนูท้องถิ่นฝีมือลุงป้าย่ายาย ได้เดินเล่นนั่งเล่นสูดอากาศสดชื่นสบายปอดแบบสุดๆ เลยละ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่นี่จะพีคมากเพราะมีดอกเสี้ยวบานทั่วหมู่บ้านให้ดูกันด้วยน้า จองที่พักล่วงหน้าไว้เลยจ้า นี่คือพิกัดที่มาแล้วหลงรักทุกราย!

สำหรับสายธรรมชาติที่อยากสัมผัสความสวยยามเช้ากันแบบจัดหนักซะหน่อยนะ ขอชี้เป้าให้เลยว่า ดอยฟ้างาม คือหนึ่งพิกัดที่น่าสนใจ เพราะที่นี่มีทะเลหมอกแบบจัดหนักจัดเต็มให้ชมกันแบบจุกๆ เชียวละ แต่อาจจะต้องออกสตาร์ทกันเช้าหน่อยนะ เพราะจากจุดจอดรถยังต้องใช้เวลาเดินขึ้นสู่ยอดดอยกันเกือบ 2 ชั่วโมงจ้า ถ้าหากไม่อยากล้อหมุนกันตั้งแต่เช้ามืด แนะนำให้มากางเต็นท์นอนบนยอดดอยกันได้น้า ใครเป็นสายธรรมชาติตัวจริงน่าจะแฮปปี้ไม่น้อยเลยเชียว

จากน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน สำหรับคนที่ไม่ถนัดในการตื่นเช้ามากๆ หรือไม่อยากเดินทางไกล อยากชวนให้ไปดูความสวยรับอรุณกันใน วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ ดีกว่า เพราะใช้เวลาขับรถแค่ครึ่งชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นนะ แต่กว่าจะขึ้นไปชมความสวยที่จุดชมวิวบนยอดเขากันได้ ก็ไม่ง่ายจ้ะ เพราะต้องนั่งรถของทางวัดขึ้นไปราวๆ 30 นาที แล้วเดินขึ้นบันไดซึ่งสร้างไว้บนเขาต่อไปอีกเกือบๆ 300 ขั้นจ้า ฟังแล้วอย่าเพิ่งท้อนะ บอกเลยว่าพิกัดชมความงามยามเช้าทั้งสองแห่งน่ะคุ้มค่าความเหนื่อยแน่นอนจ้า เลือกอันที่คิดว่าอยากเห็นมากกว่าละกัน

จากวิวสุดปังในยามเช้า เราก็มุ่งหน้ากลับเข้าสู่ตัวเมืองลำปางกันอีกครั้ง ระหว่างทางเลยขอแวะ เหมืองแม่เมาะ กันซักหน่อย ช่วงปลายปีจะมีทุ่งดอกไม้สวยๆ ให้ดูกันด้วยนะ มาที่นี่มีทั้งสวน สกายวอล์ค และพิพิธภัณฑ์สุดทันสมัยให้ได้สัมผัสบรรยากาศที่หลากหลายกัน แถมเค้ายังมีกิจกรรมมันๆ ให้ลองเล่นเร่งอะดรีนาลินกันอีกหลายอย่างเลยละ รับรองว่าหายง่วงจ้า แถมยังมีมุมแจ่มๆ ให้ถ่ายรูปกันเพียบเลยนะ เป็นอีกพิกัดที่มาลำปางแล้วพลาดไม่ได้เลย

ขับรถมาอีกไม่นานนัก ก็จะมาถึงอีกแลนด์มาร์คที่อยากชวนให้แวะเช็คอินกัน ณ วัดพระแก้วดอนเต้า วัดเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองลำปางมานับพันปี ในอดีตที่นี่เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตตั้งแต่ปี พ.ศ.1979 ยาวนานต่อเนื่องมาอีก 32 ปี ก่อนจะมีการอัญเชิญองค์พระแก้วมรกตไปประดิษฐานที่วัดพระธาตุลำปางหลวงจนถึงปัจจุบัน ว่ากันว่าด้านในองค์เจดีย์นั้นเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุขององค์พระพุทธเจ้า แถมยังมีวิหารและองค์พระพุทธไสยาสน์เก่าแก่อายุนับพันปี มีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม และมีมุมสวยๆ อีกหลายมุมให้ชมกันเลยละ ลองมาแวะกันดูเน้อ

มาถึงเมืองลำปางทั้งที อีกพิกัดที่ต้องมาเช็คอินกัน ก็คือการมาเดินเล่นชมแสงสุดท้ายของวันที่ สะพานรัษฎาภิเศก อีกหนึ่งแลนด์มาร์คยอดฮิตที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงเมืองนี้เลยละ บอกเลยว่าช่วงเย็นน่ะสวยเด็ดขาดบาดใจ เพราะจะได้เห็นเงาสะพานทรงโค้งสีขาวทอดเงาลงบนแม่น้ำวัง พร้อมสีสันของท้องฟ้าด้านหลังที่สุดปังน่าประทับใจ ค่ำๆ หน่อยเค้าก็มีการเปิดไฟประดับให้ความสวยอีกอารมณ์นึงนะ ปักหมุดจ้า ไม่มาก็เหมือนไม่ถึงลำปางเลยละ เอาจริงๆ

สิ่งหนึ่งที่มาลำปางแล้วพลาดไม่ได้ ก็คือการไปเดินเล่นแบบช้อป ชม ชิลล์ กันที่ กาดกองต้า ถนนคนเดินสุดน่ารักของเมืองลำปางที่มีข้าวของวางขายกันมากมาย ทั้งของกิน ของใช้ ของฝาก หรือของที่ระลึกทั้งหลาย ทีเด็ดของถนนนี้อีกอย่างยังอยู่ที่อาคารบ้านเรือนรอบด้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านเก่าหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นไทย จีน ยุโรป พม่า เรียกว่าตั้งใจมาซื้อของก็ได้ ตั้งใจมาเดินเล่นก็เพลินเชียวละ ตลาดเค้ามีช่วงเย็นๆ วันเสาร์และอาทิตย์นะ เป็นหนึ่งแลนด์มาร์คที่ไม่อยากให้พลาดเลย

วันสุดท้ายในการแอ่วลำปาง เรายังคงคอนเซ็ปท์ตื่นเช้ากันอีกวันนะ เพราะเรามีจุดหมายอยู่ที่การไปลุ้นทะเลหมอกสวยๆ ในวิวแปลกตากันที่ วัดดอยพระฌาน วัดที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ล้านนาที่น่าตื่นตาตื่นใจ แถมยังตั้งอยู่ในทำเลสูงบนยอดเขา ซึ่งในวันที่อากาศเป็นใจเราก็จะได้เห็นทะเลหมอกแบบอลังการรอบด้านอีกด้วยนะ นอกจากได้มากราบองค์เจดีย์เก่าแก่นับร้อยปี ที่นี่ยังมีองค์พระใหญ่ไดบุตสึที่ชวนให้นึกถึงเมืองคามาคุระในญี่ปุ่นแบบสุดๆ อีกด้วยจ้า เป็นการตื่นเช้าที่คุ้มค่าสุดๆ เลยละ เชื่อเรา!

เรามุ่งหน้าขับรถกลับมาเช็คอินที่ วัดพระธาตุลำปางหลวง อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่มาถึงเมืองลำปางแล้วพลาดไม่ได้ เพราะที่นี่เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองของลำปางมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี และเป็นวัดไม้ที่ได้ชื่อว่างดงามและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย นอกจากจะได้มากราบพระเกศาธาตุและพระอัฐิธาตุขององค์พระพุทธเจ้าแล้วนะ ที่นี่ยังเป็นที่ประดิษฐานองค์พระแก้วดอนเต้าหรือพระแก้วมรกต พระคู่เมืองลำปางด้วยจ้า ด้านในมีมุม Unseen สำหรับดูเงาพระธาตุกลับหัวที่เกิดจากการหักเหของแสงด้วยนะ ปักหมุดจ้า บอกเลยว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!

ไหว้พระกันเสร็จสรรพ ก่อนเดินทางกลับเราก็ขอไปชิลล์กันที่ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย กันซักหน่อยดีกว่า ที่ศูนย์ฯ นี้มีโรงพยาบาลช้างซึ่งใช้ในการรักษาพยาบาลช้างเจ็บป่วยและดูแลลูกช้างคลอดใหม่ เราจึงจะได้เล่นกับบรรดาช้างน้อยน่ารักทั้งหลาย แถมยังจะได้ช้อปปิ้งของที่ระลึกที่ทำจากมูลช้าง ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ โปสการ์ด ซองจดหมาย และอีกหลายอย่างเลยละ เป็นอีกพิกัดที่ให้บรรยากาศผ่อนคลายชวนให้เพลินแบบสุดๆ เลยนะ ยิ่งใครมีเจ้าตัวเล็กมาด้วยรับรองว่าแฮปปี้แน่จ้า ลองแวะมาเน้อ

ก่อนบอกลาเมืองแห่งรถม้าและชามตราไก่ เราขอไปปิดท้ายกันด้วยการไปเดินเล่นที่ พิพิธภัณฑ์ธนบดี ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยทายาทของตระกูลธนบดีที่เป็นผู้ก่อตั้งโรงงานเซรามิกแห่งแรกของเมืองลำปางขึ้นมา ด้านในพิพิธภัณฑ์นั้นเก็บรวบรวมสารพัดรูปแบบของชามตราไก่ที่แปลกและหาดูจากที่ไหนไม่ได้เอาไว้เพียบเลยละ ถ้ามีเวลาอยากลองเวิร์คช็อปชิ้นงานที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองซักชิ้นก็ยังได้นะ รับรองว่าจะเป็นการส่งท้ายทริปที่เพลินสุดๆ เลยเชียว

ลำปางเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครหลายอย่าง และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นในด้านธรรมชาติหรือวัฒนธรรม ในขณะที่เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบาย แต่ลำปางก็ยังคงมีมุมสงบไม่วุ่นวายพลุกพล่านให้เราได้นั่งชิลล์กันอยู่เป็นระยะ ใครชอบความสโลว์ไลฟ์แบบไม่ต้องสมบุกสมบัน จดลำปางลงลิสต์ไว้เลยจ้า เราว่าเมืองนี้มีทุกอย่างที่คุณตามหาอยู่แน่นอน

10 ที่เที่ยวเขาใหญ่ สูดโอโซนให้เต็มปอด

ใครกำลังหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ บรรยากาศดีๆ สูดโอโซนได้เต็มปอด ต้องที่นี่เลย “เขาใหญ่” ที่พักเขาใหญ่ก็ดี มีตัวเลือกให้แบบเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นที่พักเขาใหญ่แนวธรรมชาติ ปราสาทแบบเจ้าหญิง หรือแม้กระทั่งแบบนอนเต้นท์ได้ฟีลเหมือนตั้งแคมป์ นอกจากนั้นที่เขาใหญ่ก็ยังมีที่เที่ยวเขาใหญ่ตรึม ไปกับเพื่อนกับครอบครัวก็ได้หมด แต่ทีนี้ใครยังไม่รู้ว่าจะเที่ยวไหนได้บ้าง มาดูตรงนี้กัน เพราะเราจะพาไปรู้จักกับ 10 ที่เที่ยวเขาใหญ่ที่ฟินเว่อร์ บรรยากาศดี ใครจะไปก็กดจองที่พักเขาใหญ่ตรงนี้ที่ Traveloka กันก่อน หลังจากที่จองที่พักแล้วไปลุยกับที่เที่ยวเขาใหญ่กันเลย

1. ฟาร์มโชคชัย

เรียกว่าเป็นที่เที่ยวเขาใหญ่สุดคลาสสิคที่ๆ ใครก็ต้องไป เพราะที่นี่เต็มไปด้วยกิจกรรมมากมาย ทั้ง รับประทานอาหาร เวิร์คช้อปทำไอศกรีม กินนม ชมวัว ดูโชว์สัตว์ ชมไร่ชมสวน แวะซื้อของฝาก บอกเลยว่า ฟาร์มโชคชัย คือสถานที่ท่องเที่ยวเขาใหญ่ ที่จะทำให้คุณได้เป็นคาวบอยประยุกต์อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

เปิดทำการ : ตั้งแต่เวลา 10:00 น. ปิดวันจันทร์
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (ไทย / ต่างชาติ) 300 บาท เด็ก ส่วนสูง 90-140 เซนติเมตร (ไทย / ต่างชาติ) 150 บาท

2. พรีโม เพียซซ่า (Primo Piazza)

สถานที่ท่องเที่ยวเขาใหญ่ ที่จำลองบรรยากาศจากหมู่บ้านทัสคานี ประเทศอิตาลีเอาไว้ ที่นี่นับเป็นที่เที่ยวเขาใหญ่สำหรับผู้ที่ชอบการถ่ายภาพ พร้อมมีกิจกรรมการให้อาหารแกะอยู่ด้านใน นอกจากนี้ บัตรเข้าชมสถานที่ของที่นี่ยังสามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดซื้อของจากร้านค้าได้อีกด้วย พรีโม เพียซซ่า จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเขาใหญ่อีกหนึ่งแห่งที่น่าแวะไปเยี่ยมชม

เปิดทำการ : ตั้งแต่เวลา 09:00 น. ปิดวันจันทร์
ค่าเข้าชม : คนไทย 100 ต่างชาติ 200 เด็ก 50

3. ซีนิคอลเวิล์ดเขาใหญ่ (Scenical World Khao Yai)

สำหรับใครที่ต้องการท่องเที่ยวไปพร้อมกับทำกิจกรรมสุดสนุกที่เขาใหญ่ สวนน้ำและสวนสนุกซีนิคอลเวิล์ดเขาใหญ่ ก็นับเป็นที่ๆ ตอบโจทย์ ด้วยเป็นสวนน้ำที่มีเครื่องเล่นทันสมัยและหลากหลายท่ามกลางแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและอากาศดีๆ ของเขาใหญ่ ตั้งแต่เครื่องเล่นน่ารักๆ ยันเครื่องเล่นที่มีความท้าทาย พร้อมกันนั้น รอบๆ ก็ยังมีร้านอาหารและมุมถ่ายรูปสวยๆ มากมายอีกด้วย

เปิดทำการ : ตั้งแต่เวลา 09:00 น. ปิดวันจันทร์
ค่าเข้าชม : บัตร Day Pass สำหรับผู้ใหญ่ 1,250 บาท และเด็ก 850 บาท

4. The Birder’s Lodge Café

แวะมาเที่ยวเขาใหญ่ หรือว่าโคราชกันทั้งที หากอยากได้ที่เที่ยวเก๋ๆ สำหรับไปแวะพัก เช็คอิน ดื่มกาแฟ หรือว่าดื่มด่ำกับบรรยากาศสวยๆ ของเขาใหญ่ แนะนำเลยว่าให้ปักหมุดไว้ที่ “The Birder’s Lodge Café” แล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะที่เที่ยวแห่งนี้มีทั้งส่วนที่เป็นร้านกาแฟ และที่พัก โดดเด่นด้วยสไตล์ดีไซน์มินิมอลโมเดิร์น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนทั้งหลายต่างแวะคาเฟ่แห่งนี้ เพื่อสั่งเครื่องดื่ม และถ่ายรูป แนะนำสำหรับคนที่อยากได้จุดเช็คอินถ่ายรูปเก๋ๆ ที่เขาใหญ่ ต้องมาโดน

เปิดทำการ : เปิดทุกวัน 8.30 – 6.30 น.

5. เขื่อนขุนด่านปราการชล

เนื่องจากพื้นที่เขาใหญ่ครอบคลุมไปด้วยพื้นที่หลายจังหวัด ฉะนั้น เขื่อนขุนด่านปราการชล จึงกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งของเขาใหญ่ ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศดีๆ โดยเขื่อนแห่งนี้เกิดขึ้นมาจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงคิดไว้เพื่อเป็นน้ำสำรองใช้สำหรับคนกรุงเทพฯ ที่นี่มีความโดดเด่นอยู่ตรงทัศนียภาพสวย ๆ ของเขื่อนดิน ที่จะทำให้คุณได้รูปสวยๆ กลับไปอย่างแน่นอน

เปิดทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06:00 -17.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี

6. จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม (Jim Thompson Farm)

ยังคงเป็นกิจกรรมยอดนิยมในเขาใหญ่ กับการเดินชมดอกไม้สวยๆ ถ่ายรูปคู่ถ่ายกับความงดงามของธรรมชาติ ฉะนั้น เขาใหญ่จึงมีที่เที่ยวหลายแห่งที่มีดอกไม้ให้เที่ยวชม ซึ่งจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ที่เขาใหญ่นี้ ได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรฯ ที่มีความใหญ่โตอลังการมากกว่า 600 ไร่ แต่ทั้งนี้ ที่นี่จะเปิดให้เข้าชมแค่ในช่วงธันวาคม – มกราคมของทุกปีเท่านั้น

เปิดทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:00 -17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ วันธรรมดา 180 บาท เสาร์-อาทิตย์ 220 บาท  / เด็ก วันธรรมดา 130 บาท เสาร์-อาทิตย์ 160 บาท

7. เขาใหญ่ อาร์ต มิวเซียม (Khao Yai Art Museum)

ใครว่าเขาใหญ่ไม่มีที่เที่ยวทางศิลปะ เขาใหญ่ อาร์ต มิวเซียม ถือเป็นพิพิธภัณฑ์หอศิลป์ส่วนตัวท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมผลงานศิลปะกันฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยที่นี่มีพื้นที่ทั้งหมด 20 ไร่ ซึ่งเต็มไปด้วยความร่มรื่น โดยแบ่งออกเป็น Art Gallery และ Art Space ทั้งนี้ ความน่าสนใจของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือจะมีแต่ผลงานที่เจ้าของเป็นคนสะสมเอาไว้ บางชิ้นงานก็หาดูได้ยาก และมีศิลปะจากหลากหลายแขนงมารวมไว้ในที่เดียว แต่ช่วงนี้เมื่อมีการระบาดของโควิด-19 พิพิธภัณฑ์จะทำการปิดชั่วคราว

เปิดทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:00 -17.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี

8. ฟลอร่า ปาร์ค (Flora Park)

ฟลอร่า ปาร์ค เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่มากกว่า 69 ไร่ โดยที่เที่ยวเขาใหญ่แห่งนี้เต็มไปด้วยสวนดอกไม้สวยๆ ที่มีการหมุนเวียนปลูกพันธุ์ดอกไม้ตามฤดูกาล ซึ่งนอกจากจะมีดอกไม้สวยงาม ให้คุณได้ถ่ายรูปสวยๆ และชื่นชมธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเขาใหญ่ที่มีอากาศดี มีโอโซนให้ได้สูดอย่างเต็มปอด พร้อมมีจุดชมวิวสวยๆ 360 องศาให้มองเห็นวิวสวยได้ทุกมุมอีกด้วย

เปิดทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:00 -18.00 น.
ค่าเข้าชม : 150 บาท

9. วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม (วัดพระขาว)

วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม หรือที่วัดพระขาว เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาสูง ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติของเขาใหญ่ ที่เที่ยวเขาใหญ่อีกหนึ่งแห่งนี้มีเอกลักษณ์เป็นองค์พระสีขาวขนาดใหญ่ ที่สามารถมองเห็นโดดเด่นมาแต่ไกล ชื่อว่า พระพุทธสกลสีมามงคล โดยผู้ที่ได้มาวัดนี้ ต้องขึ้น-ลงบันได 1,250 ขั้น หากไปเขาใหญ่ ต้องอย่าลืมหาโอกาสแวะไปสักการะกัน

เปิดทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:00 -18.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี

10. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

ที่เที่ยวสุดท้ายของเขาใหญ่ ที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของอากาศที่บริสุทธิ์ ความสดชื่นของธรรมชาติที่แวดล้อม และความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ฉะนั้น หากใครได้มา ก็ต้องแวะไปสัมผัสวิวทิวทัศน์กันดู หรือสำหรับผู้ที่อยากคลายร้อน ก็สามารถแวะไปยังน้ำตกเหวสุวัต ที่ตั้งอยู่ในอุทยานได้เช่นกัน

เปิดทำการ : วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 07.00  – 17.00 น. และ วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น.
ค่าเข้าชม: ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท

 

10 ที่เที่ยวเขาใหญ่นี้ ถ้าไปไม่หมดทริปหน้าก็เตรียมมาเที่ยวกันต่อ แต่อย่างไรก็ดีจองที่พัก รวมถึงบัตรที่เที่ยวกับ Traveloka หรือว่าจะจองที่พักเขาใหญ่ไปพร้อมกันเลย ไม่ว่าจะจัดทริปล่วงหน้ากระชั้นชิดแค่ไหนก็สบาย เพราะมีทราเวลโลก้าเป็นตัวช่วย ทริปหน้านี้ใครจะมาเขาใหญ่ก็สะดวก เชื่อเหอะ!

 

จองตั๋วเที่ยวญี่ปุ่นง่ายนิดเดียว ไปเที่ยวทะเลสาบทาซาวะกัน

เดี๋ยวนี้จะไปเที่ยวที่ไหนก็สะดวกสบาย อยากไปไหนแค่กดแอพลิเคชั่นของ Traveloka เช็คราคาของแต่ละสายการบินแบบง่ายๆ แถมไม่ต้องไปเช็คอินออนไลน์ผ่านหน้าเว็บไซต์ของสายการบินให้ยุ่งยาก แค่คลิก Traveloka สามารถเช็คอินออนไลน์ผ่านแอพลิเคชั่น หรือหน้าเว็บได้เลย เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่

> https://www.traveloka.com/th-th/checkin

Online Check-in เปิดให้บริการแล้ว

เช็คอินออนไลน์กับ Traveloka ก่อนเดินทาง

มีเวลาเหลือก่อนขึ้นเครื่อง สบายจังเลยย ^^

https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-japan

เช็คอินเสร็จก็มีเวลาเดินเล่นช๊อปปิ้ง แถมมีเวลานั่งชิวกินกาแฟ เมาท์มอยกับเพื่อน

พอถึงญี่ปุ่น ก็ไปรับตั๋วรถไฟที่ได้จองล่วงหน้าไว้แล้ว แล้วตรงไปที่พักที่เมือง Fukushima พอถึงที่พักเอาของไปว่าง เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกมาเที่ยวต่อเลยจ้า

วันนี้จะไปเที่ยวทะเลสาบทาวาซะ (Lake Tazawa) คนรักธรรมชาติก็ไปเที่ยวแบบชมนกชมทะเลสวยๆ

ทะเลของประเทศญี่ปุ่นใสและสวยมากจริงๆ ทะเลสาบทาซาวะ คนญี่ปุ่นเรียกว่า ทาซาวะโกะ ตั้งอยู่ในเมืองเซมโบกุ จังหวัดอาคิตะ พอไปถึงสามารถรอรถบัสที่มีให้บริการนั่งไปถ่ายรูปตามจุดต่างๆๆ สถานที่ละ 15 นาที ก็วิ่งลงไปถ่ายรูปๆๆ แล้วก็วิ่งมานั่งไปจุดต่อไป

ระหว่างรอรถก็ไปเดินถ่ายรูปเล่น

รถมาแล้วพร้อมไปต่อ

จุดแรกที่รถจอด ศาลเจ้าโกะซะโนะอิชิ(Gozanoishi Shrine)

จุดที่สอง นี่เป็นจุดที่เป็นไฮไลท์เพราะที่นี่เค้ามีตำนาน ของหญิงสาวหน้าตาดี ชื่อ ทัตสึโกะ หญิงสาวผู้นี้กลัวความแก่ชรา เลยไปขอพรกับเจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่ให้นางไปดื่มน้ำที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นมังกร จนได้มาพบรักกับมังกรหนุ่ม เรื่องราวประมาณนี้

ทะเลสาบที่นี่เวลาฤดูหนาวไม่เคยเป็นน้ำแข็งนะจ๊ะ เพราะความรักของทั้งคู่ทำให้ทะเลอบอุ่น หวานไปอีก คนโสดตายเรียบ 555

ใครที่ชอบนั่งเรือชมบรรยากาศเค้าก็มีให้บริการ แต่วันที่ไปอากาศมันหนาว แถมเหมือนจะมีฝน เลยคิดว่าไปที่อื่นต่อดีกว่า

ใครที่ชอบเมืองที่มีเรื่องราวกับจุดถ่ายรูปสวยๆเมืองนี้เป็นอีกที่ แนะนำให้มาเลยจ้า ^^

พิกัด

นั่ง Akita Shinkansen มาลงที่สถานีทาซาวาโกะ (Tazawako Station) ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 50 นาทีจากนั้นให้ต่อรถบัส ในสถานทีมีแพคเก็จทัวร์เมืองขายลองไปเช็คดู กีอนจะนั่งบัสแล้วราคาจะถูกกว่านั่งไปแต่ละจุดเองนะจ๊ะ 😊

#Pimcpk

#Traveloka