พาไปเที่ยวมาเก๊า 9พิกัด ไปกับทัวร์สนุกมากเวอร์

มาเก๊า  เมืองเล็กๆ น่ารักน่าเที่ยว  ด้วยเสน่ห์ของเมืองที่มีวัฒนธรรมแบบผสมผสานระหว่างโปรตุกีสและจีน  โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมและอาคารบ้านเรือนอันเป็นลักษณะเฉพาะตัวแบบจีนผสมยุโรป  พร้อมกลิ่นอายความเก่าแก่ดั้งเดิมอันทรงเสน่ห์ อยู่ไม่ไกลจากบ้านเรา  เดินทางสะดวก  ค่าครองชีพไม่แพง  แถมยังเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีที่เที่ยวดีๆ ซ่อนอยู่เพียบเลย การไปเที่ยวมาเก๊าจะสะดวกสบาย หากได้เดินทางไปเที่ยวกับทัวร์ ไม่ต้องเตรียมตัววางแพลนอะไรมาก ใครยังไม่เคยเดินทางเที่ยวต่างประเทศกับทัวร์ เราแนะนำ ทัวร์ครับ (Tourkrub) เว็บไซต์ที่รวบรวมทัวร์ที่ดีที่สุดไว้ให้คุณ ซึ่งก็มีแพ็คเก็จทัวร์มาเก๊าให้เลือกไปเที่ยวเพียบเลย แต่ตอนนี้ใครพร้อมแล้วก็ไปส่องที่เที่ยวมาเก๊ากับเราได้เลย

จองทัวร์มาเก๊า  กับ  ทัวร์ครับ


1. จัตุรัสเซนาโด (Senado Square)
อาคารบ้านเรือนสไตล์โคโรเนียลหลากหลายสีสัน  บนทางเดินอิฐสุดคลาสสิค  ในบรรยากาศคล้ายบ้านเมืองในยุโรปที่แสนโรแมนติก  อยู่ไม่ไกลจากซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s) ใจกลางตัวเมืองมาเก๊า  อันเป็นแลนด์มาร์คสุดฮอตของเมือง  แหล่งรวมตัวของวัยรุ่น  และนักท่องเที่ยว  รายล้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร  ร้านกาแฟ  และสินค้าแบรนด์ดังจากทั่วโลก  และจัตุรัสแห่งยังเป็นหนึ่งในมรดกโลกขององค์การยูเนสโก (UNESCO) อีกด้วยพิกัด : Senado Square


2. โบสถ์เซนต์โดมินิก (St. Dominic’s Church)

หนึ่งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของมาเก๊า สร้างตั้งแต่ปี 1587 โบสถ์คาทอลิกสไตล์บารอคผสมมาเก๊านีสสีเหลืองพาสเทล  ตัดขอบและตกแต่งด้วยปูนปั้นสีขาว  โดดเด่นด้วยบานประตูหน้าต่างสีเขียวพาสเทลสดใส  ถูกสร้างโดยบาทหลวงชาวสเปนนิกายโดมินิกัน  ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กันกับจัตุรัสเซนาโด (Senado Square)  จัดเป็นโบสถ์คาทอลิกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองมาเก๊าพิกัด : St. Dominic’s Church

3. ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s)

ซากอาสนวิหารนักบุญเปาโล  ใจกลางคาบสมุทรมาเก๊า  ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญอันดับหนึ่งของเมืองมาเก๊า  ซากโบสถ์คาทอลิกขนาดใหญ่  ในสไตล์โปรตุเกสที่สวยงามอลังการ  ที่ยังคงเหลือไว้แค่เพียงซากกำแพงด้านหน้าและบันไดทางขึ้นโบรถส์เท่านั้น  แต่แม้เพียงจะเหลือซากประตูด้านหน้าเท่านั้น  แต่ยังทรงเสน่ห์และคงมนต์ขลังของกลิ่นอายความงดงามแต่เดิมเอาไว้ได้เป็นอย่างดีจนน่าประหลาดใจพิกัด : Ruins of St. Paul’s

 

4. เจ้าแม่กวนอิมกลางทะเล (Kun Iam Statue)
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่  มีความสูงกว่า 20 เมตร  สีทองอร่ามสร้างจากสำริดสีเหลืองทอง  ยืนอยู่บนฐานรูปดอกบัวสีขาวด้านล่าง  ที่เป็นห้องสมุดและศูนย์การเรียบรู้  ตั้งเด่นเป็นสง่าและสวยงามอยู่ริมทะเล Outer Harbour ไม่ไกลจาก Dr. Carlos d’Assumpcao Park เป็นหนึ่งในรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่มีผู้คนศรัทธามากที่สุดแห่งหนึ่งเลยพิกัด : Kun Iam Statue

 

5. วัดอาม่า (A-Ma Temple)
วัดอาม่า (A-Ma Temple) วัดเก่าแก่ที่สุดของเมืองมาเก๊า  สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง  ราว ๆ ปี ค.ศ. 1488 ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรมาเก๊า  ริมเชิงเขา  ด้วยสถาปัตยกรรมและการตกแต่งในแบบฉบับจีนแท้ ๆ ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่เฉลิมฉลองเจ้าแม่มาจู่หรือเทพธิดาแห่งท้องทะเล  ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในปี 2005พิกัด : A-Ma Temple

 

6. เดอะเวเนเชี่ยน มาเก๊า (The Venetian Macua)
Entertainment Complex ขนาดใหญ่โตมโหฬาร   เป็นศูนย์รวบรวมความบันเทิงครบวงจรนถนน Estr. do Istmo มีตั้งแต่งโรงแรม ร้านอาหาร คาสิโน ร้านค้าแบรนด์ดัง และการแสดงโชว์ต่าง ๆ ไปจนถึงไฮไลท์ทีเด็ดอย่าง The Grand Canal Shoppes  คลองขนาดใหญ่ใจกลางห้างสรรพสินค้านับ 1,000 ร้าน  ที่สามารถล่องเรือกอนโดล่าในคลองจำลองแห่งนี้ได้อีกด้วย  ราวกับจำลองเมืองเวนิสมาไว้ใน เดอะเวเนเชี่ยน มาเก๊า (The Venetian Macua) แห่งนี้  โดยทั้งภายนอกและภายในตกแต่งในสไตล์อิตาลีสุดหรูหรา  เข้ากับบรรยากาศสุดอลังการแบบสุด ๆพิกัด : The Venetian Macua

 

7. มาเก๊าทาวเวอร์ (Macau Tower)
หอคอยสูงริมทะเล Outer Harbour  ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คอันเป็นไอคอนนิคของเมืองมาเก๊า  เปิดให้ใช้บริการตั้งแต่ปี 2001 ตัวหอคอย  มาเก๊าทาวเวอร์ (Macau Tower)  มีความสูงมากถึง 338 เมตร  โดยมีจุดชมวิวมุมสูง  หรือ Observation Deck บนชั้น 58 ที่ระดับความสูง 223 เมตร  แต่ยังไม่เท่านั้น  เพราะทีเด็ดไฮไลท์ของแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้  อยู่ที่ชั้น 61 ซึ่งเปิดให้เป็นนักผจญภัยท้าทายความเสียวและความสูง  สามารถลองเดินไต่เวหานอกอาคาร  และเล่นบันจี้จั๊มพ์ได้อีกด้วยพิกัด : Macau Tower

 

8. หมู่บ้านวัฒนธรรม (A Ma Cultural Village)
หมู่บ้านวัฒนธรรมจีนขนาดใหญ่  ตั้งอยู่โดดเด่นบนภูเขาของเกาะโคโลอานี (Coloane) มีพื้นที่ถึง 7,000 ตารงเมตร  รายล้อมไปด้วยหมู่อาคารที่ถูกออกแบบตามแบบสถาปัตยกรรมจีนแท้ ๆ ที่ประดับตกแต่งลงรายละเอียดอย่างวิจิตรงดงามอลังการ  ประกอบไปด้วยวัดทินหัวและรูปปั้นเทพอาม่าที่ศักดิ์สิทธิ์  จึงทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ของนักท่องเที่ยวและชาวมาเก๊าพิกัด : A Ma Cultural Village

 

9. พิพิธภัณท์บ้านไทปา (Taipa Houses Museum)
หมู่บ้านไทปา (Taipa Village) เป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมเก่าแก่ทางตอนใต้ของมาเก๊า  ที่ยังคงอนุรักษ์วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี  กับคาแร็คเตอร์สุดน่ารักอันเป็นเอกลักษณ์ของล้านเรือนสีเขียวพาสเทลอ่อน ๆ ที่เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่า  ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนให้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ  ทั้งถนนคนเดิน  พิพิธภัณฑ์  วัดจีนโบราณ  โบสถ์สไตล์ยุโรป  และสวนสาธารณะบนพื้นที่เดียวกัน  พิกัดเช็คอินฮิป ๆ ที่ไม่ควรพลาด
พิกัด : Taipa Houses Museum

 

ถ้าใครยังไม่เคยไปเที่ยวกับทัวร์  ลองดูสักทีก่อนแล้วจะรู้ว่าดีเหมือนกันนะ  ที่ดีที่สุดคือ  ชิลล์มาก ๆ หมดห่วง  ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องการวางแผน  และเตรียมการใด ๆ เลย  เพราะเที่ยวกับทัวร์เค้าจัดการไว้ให้เราหมดแล้ว  …  ถ้าไม่เชื่อก็ต้องลองพิสูจน์ด้วยตัวเองนะ

 

โรงเรียนสอนทำอาหาร ‘Old Town Thai Cooking Studio’ โดย เชฟปู ปูริดา ธีระพงษ์

 “ความสุขของการทำอาหารคือการได้แบ่งปัน”

ด้วยเชื่อมั่นว่า “ความสุขของการทำอาหารคือการได้แบ่งปัน” เป็นแรงบันดาลใจให้ ‘เชฟปู – ปูริดา ธีระพงษ์’ เชฟหญิงแกร่ง ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านอาหาร ผู้เป็นที่รู้จักดีในฐานะเชฟผู้ชนะจากรายการเชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย (Iron Chef Thailand) และผู้เข้าแข่งขันในรายการสงครามปลายจวัก (Kitchen War Thailand) ตัดสินใจเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารไทย เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ ความสุข และเคล็ดลับการรังสรรค์อาหารไทยให้เลิศรส ขึ้นที่ย่าน ‘เจริญกรุง’ ย่านเมืองเก่าซึ่งถือเป็นถนนสายแรกของประเทศไทย ‘Old Town Thai Cooking Studio’ คือจุดนัดพบของนักท่องเที่ยวสายชิม และคนที่มีใจรักในอาหาร อยากเรียนรู้ทั้งกรรมวิธีปรุงอาหาร และเรื่องราววัฒนธรรมกินอยู่อย่างไทยได้รสชาติ

 ‘Old Town Thai Cooking Studio’ ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 67 ใกล้กับวัดสุทธิวราราม อันเป็นย่านเมืองเก่าซึ่งแวดล้อมไปด้วยชุมชนตึกแถวอาคารพานิชย์ ซึ่งบางแห่งเป็นตึกโบราณมีอายุนับร้อยปี โดยตัวอาคารของโรงเรียนสอนทำอาหารของเรารีโนเวทปรับปรุงมาจากอาคารเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 50 ปี หากยังคงรักษาความขรึมขลังของสถาปัตยกรรมในยุคเก่าเอาไว้ ทั้งละแวกนี้ยังอุดมไปด้วยชุมชนของผู้ที่ทำการค้า ตลาด บรรยากาศในย่านนี้จึงอบอวลไปด้วยสีสันและกลิ่นอายของเมืองเก่าที่ผสมผสานกับเมืองใหม่ได้อย่างร่วมสมัย รวมถึงร้านอาหารที่ส่งต่อสูตรอาหารเก่าแก่มาหลายชั่วอายุคน ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสและเรียนรู้

‘Old Town Thai Cooking Studio’ เป็นโรงเรียนสอนทำอาหารที่สามารถเปิดรับผู้เรียนได้คราวละ 12-20 ท่าน เรามีคลาสสอนทำอาหารที่ตอบโจทย์ความสนใจที่หลากหลาย ของทั้งนักท่องเที่ยวและชาวไทยผู้สนใจอยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะและศาสตร์การปรุงอาหารไทย ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดโดย ‘เชฟปู – ปูริดา ธีระพงษ์’ เชฟผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย ทั้งในด้านการสอนและการจัดการธุรกิจร้านอาหารไทย ผู้มีประสบการณ์อยู่ในแวดวงอาหารของไทยและระดับสากลยาวนานหลายสิบปี

นอกจากนักเรียนจะได้นั่งรถตุ๊กๆ ไป ‘Market Tour’ เพื่อสัมผัสกับ ‘ตลาดสดแสงจันทร์’ ในย่านเก่าแก่ของเจริญกรุงแล้ว ชั้นเรียนของเรายังประกอบไปด้วย 6 คลาส ซึ่งแต่ละคลาสยังประกอบไปด้วย 5 เมนูที่เข้ากับธีมนั้นๆ ที่ผู้เรียนสามารถเลือกลงทะเบียนได้ตามความสนใจ อันได้แก่

Old Town Thai – ด้วยเจริญกรุงอันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนของเรานั้น เป็นย่านเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เป็นถนนสายแรกที่สร้างตามแบบตะวันตกระหว่างปี พ.ศ. 2404 ถึง 2477 ทั้งยังมีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติของผู้อยู่อาศัย เมนูที่เรารวบรวมมานี้จึงได้รับแรงบันดาลใจและต้องการบอกเล่าเรื่องราวความเก่าแก่และหลากหลายของอาหารในละแวกนี้ เป็นต้นด้วย ปอเปี๊ยะทอด ลาบไก่ ผัดไทย ผัดเปรี้ยวหวาน และข้าวเหนียวมะม่วง

Thai Street Food – เมืองไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ได้รับการยกย่องว่าเต็มไปด้วยอาหารข้างทางที่หลากหลายและมีสีสันมากที่สุด ซึ่งชาวต่างชาติสายชิมต่างก็มุ่งหวังจะเดินทางมาสัมผัสลิ้มรสกันสักครั้ง เมนูที่เรานำมาจัดรวมกันชุดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่ต่างชาติให้ความนิยม และรู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะสตรีทฟู้ดของไทย เช่น ส้มตำ ไก่สะเต๊ะ ผัดผักบุ้ง ผัดกะเพรา และข้าวเหนียวมะม่วง

Thai Favourite – เพราะเชื่อว่าคนชาติใดที่ได้ลิ้มรสอาหารไทย เป็นต้องติดอกติดใจกันทุกราย นอกจากรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ อาหารไทยยังถือเป็นสมบัติของชาติที่ตกทอดสืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต ภูมิปัญญา ศิลปะวัฒนธรรม ผ่านทางอาหาร เราจึงอยากจะเป็นสื่อกลางในการนำเสนอรสชาติของอาหารจานเด็ดต่างๆ ของไทย ที่ได้รับความนิยม ผ่านทางเซตเมนูชุดนี้ของเรา และเมนูเด่นของไทยที่เลือกมาอยู่ในอาหารชุดนี้ ได้แก่ ปอเปี๊ยะทอด ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวานไก่ ข้าวผัดสับปะรด และกล้วยบวชชี

Thai Delicacy – อาหารไทยเป็นเครื่องแสดงถึงภูมิปัญญาและเอกลักษณ์ของชนชาติไทย อาหารไทยนั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละสูตร ซึ่งส่วนผสมที่หลากหลายของการปรุงรสของอาหารไทยผสมผสานจนรสชาติอาหารที่อร่อยกลมกล่อม ทำให้ผู้รับประทานรู้สึกพึงพอใจที่ได้ลิ้มอาหารเลิศรส เมนูชุดนี้ต้องการจะบอกเล่าให้เห็นถึงภูมิปัญญาด้านของอาหารไทย อาทิ ต้มข่าไก่ ยำวุ้นเส้น ผัดกระเพรากุ้ง ผัดผักบุ้งไฟแดง และ ทับทิมกรอบ

Thai Sam Rub – วัฒนธรรมคนไทยนับแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน เมื่อรับประทานอาหารมักจัดใส่ไว้ในสำรับเดียวกันเพื่อสะดวกในการรับประทาน ดังนั้นการกินอาหารไทยให้ได้รสชาติ สิ่งสำคัญคือการจัดสำรับให้ได้สมดุลของรสชาติ ความอร่อยก็จะบังเกิด เมนูสำหรับสำรับนี้ อาทิ ยำส้มโอ น้ำพริกเผาผักสด แกงเลียงกุ้งสด ผัดมะเขือยาว สังขยาฟักทอง

Grandma’s Recipe – ว่ากันว่าอาหารที่อร่อยที่สุด คืออาหารฝีมือคุณแม่หรือคุณยายที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น เพราะเราโตขึ้นก็จะยิ่งคิดถึงจความทรงจำในวัยเด็กมากยิ่งขึ้น ในเซตเมนูนี้เราจึงรวบรวมเมนูที่แม่ชอบทำให้กินตอนเด็กๆ หรือหากมีโอกาสก็ให้ลองทำอาหารให้คุณแม่กินบ้าง เซตเมนูแห่งความทรงจำอันแสนอบอุ่นนี้ ได้แก่ เมี่ยงคำ ยำถั่วพู ต้มข่าไก่ ข้าวผัดกระเพรา และขนมดอกจอก

เกี่ยวกับ ‘เชฟปู – ปูริดา ธีระพงษ์’

เชฟหญิงแกร่ง ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านอาหาร ผู้มีความสามารถในลำดับแถวหน้าของเมืองไทยที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงจากสื่อต่างๆ อย่าง Bangkok Post, Bangkok 101 และ China Daily พิสูจน์ความเก่งฉกาจในฐานะเชฟจากการเป็นเชฟผู้ชนะจากรายการเชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย (Iron Chef Thailand) และผู้เข้าแข่งขันในรายการสงครามปลายจวัก (Kitchen War Thailand) ซึ่งทำให้เธอเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

เชฟปูเริ่มต้นเข้าสู่เส้นทางธุรกิจอาหารอย่างจริงจังตั้งแต่เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วด้วยการเดินทางไปเรียนต่อที่ ทางด้าน Cookery and Hospitality Management  ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ควบคู่กับการทำงานไปด้วย ภายหลังเรียนจบและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ใช้ชีวิตพำนักอยู่ที่ออสเตรเลียนานถึง 12 ปี เคยทำงานเป็นทั้งเชฟประจำร้านอาหาร เชฟดูแลแคทเทอริ่ง เคยเปิดร้านอาหารของตัวเองภายใต้แบรนด์ Spice Lovers จนประสบความสำเร็จมาแล้ว ก่อนตัดสินใจกลับมาเมืองไทย เชฟปูเคยเป็นทั้ง Excutive Sous Chef และ Excutive Chef ดูแลโรงแรมดังๆ มาแล้วมากมาย อาทิ Radisson Plaza Phuket , ห้องอาหารไทยสุธารส ของ โรงแรม Muse ไปจนถึงเป็นเชฟใหญ่ของ The Berkeley Hotel Pratunam ซึ่งทำให้เธอได้มีประสบการณ์ในการเรียนรู้เรื่องการโอเปอเรชั่นครัวสำหรับโรงแรมขนาดใหญ่ซึ่งมีแขกมากกว่า 2,000 คน มาจนถึง ‘Osha’ ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งสไตล์โมเดิร์นชื่อดังจากสหรัฐอเมริกาซึ่งเปิดสาขาทั้งในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเอเชียทีค

เชฟปูเชื่อว่าด้วยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยที่สั่งสมกันมา ผนวกกับการเลือกวัตถุดิบที่เหมาะสม และทักษะด้านการครัวที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมนั้น ย่อมขยายความเป็นไปได้อันไม่สิ้นสุดให้กับอาหารไทย ด้วยใจรักในอาหารไทย และแสวงหาความท้าทายให้ชีวิตยังคงมีไฟอยู่เสมอ เชฟปูจึงได้เปิดโรงเรียนสอนทำอาหาร ‘Old Town Thai Cooking Studio’ ที่ซึ่งจะช่วยให้เธอสามารถแบ่งปันทั้งความรู้ ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญทางด้านอาหารไทย รวมถึงแบ่งปันความสุขในอาหารร่วมกับทุกคนที่สนใจอยากเรียนรู้ในสิ่งเดียวกันนี้กับเธอ

Old Town Thai Cooking Studio

ตั้งอยู่ที่ :  19/12-14 เจริญกรุง 67 ยานนาวา สาทร กรุงเทพฯ 10120

โทร. : 061 632 4551 หรือ 02 086 2463

อีเมล์ : oldtownthaicooking@gmail.com

Instagram : OldTownThaiCooking 

Facebook : OldTown Thai Cooking

ข้อมูลเพิ่มเติมและเช็กตารางเรียน : www.oldtownthaicooking.com

รีวิวร้าน Koi Restaurant Sathorn บรรยากาศดีจนไม่อยากกลับบ้าน.

ร้านอาหารสุดหรู วิวกรุงเทพสุดอลังการ อาหารญี่ปุ่นสไตล์แคลิฟอร์เนียรสเลิศ ที่สำคัญราคาไม่แพง

” Koi Restaurant Sathorn” มาที่เดียวสนุกได้ทั้งคืน

ร้านอาหารที่ไม่ใช่แค่ร้านอาหาร ร้านดูไม่น่าเบื่อเหมือนร้านอื่นๆ ที่ต้องแต่งตัวสวยมานั่งเกร็ง ที่นี่ฟิลนั่งสบายๆชิลเอ๊าท์กับเพื่อน หรือจะดินเนอร์กับคนรักก็โรแมนติกสุดๆ

ร้านมีหลายมุมให้เลือก แต่ละมุมสวยๆทั้งนั้น จะนั่งโซฟาหรือจะนั่งโต๊ะอาหาร ก็เห็นวิวกรุงเทพทุกมุม

มาเป็นกลุ่มเป็นแก๊งอยากนั่งห้องวีไอพี ที่ Koi ก็มีห้องรับรอง ห้องเล็กห้องใหญ่ จะให้เซทเมนูในราคาที่เพื่อนๆกำหนดก็ได้ ลองมาคุยกับทางร้านดูน่า พนักงานบริการดีสุดๆ จะประชุม สัมมนา กลางวันเค้าก็เปิดนะจ๊ะ

หรือถ้าเพื่อนๆอยากจะมาจัดงานปาร์ตี้วันเกิด งานสละโสด งานแต่ง หรืองานอื่นๆ Koi ก็มีบริการ ห้องเลาจน์จะจ้างดีเจมาเอง หรือ จะให้ทางร้านจัด บอกมาเลย ที่นี่เนรมิตได้ทุกอย่าง

ดึกๆๆทานอาหารอิ่มแล้วอยากจะไปเต้น อยากฟังเพลงเดินไปอีกฝั่งก็มีไนท์คลับชื่อ The Club at Koi คลับนี้เค้าดังน่า มีดีไซเนอร์ชื่อดังมาจัดงานแฟชั่นโชว์บ่อยมาก ดีเจเปิดเพลงมัน เต้นจนเหนื่อย วัยรุ่นชอบมาโดยเฉพาะวัยรุ่นต่างชาติ

ในส่วนของเมนูเครื่องดื่ม

แนะนำ Koi’s signature

Midnight Train To Sathorn ราคา 380 บาท

Zetsumyou ราคา 420 บาท


KOI สาเก สาเกสูตรพิเศษที่คิดค้นโดยหัวหน้า Mixologist ประจำร้าน เป็นสาเกระดับจุนไมที่ถือเป็นเกรดพรีเมี่ยมของกระบวนการผลิตจากญี่ปุ่น ใช้ข้าวคุณภาพดีในการหมัก และปราศจากสารปรุงแต่งอื่นๆ เช่น น้ำตาล แอลกอฮอล์ มีเฉพาะแค่สาขาสาทร ประเทศไทยเท่านั้น
ราคา 800++ บาท

อาหารที่ Koi เป็นอาหารญี่ปุ่นที่มีการผสมผสานรสชาติโปรดของชาวแคลิฟอร์เนียลงไปจนได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ได้อย่างลงตัว

จากการเปิดตัวครั้งแรกที่ลอสแองเจลิสในปี 2545 Koi Group ได้เผยแพร่ความเป็นเอกลักษณ์ในด้านอาหารญี่ปุ่นที่มีความทันสมัยใน นิวยอร์ค, ลาสเวกัส, อาบูดาบี จนมาถึงกรุงเทพ ได้เป็นที่นิยมของแขกชั้นนำและนักธุรกิจสูงทั่วโลก

เมนูที่จะมาแนะนำ มา Koi แล้วต้องสั่ง
Salmon Carpaccio – Seared Salmon with Yuzu Ponzu Sauce top with truffle mushroom. ปลาแซลมอนสดชุ่มน้ำซอสพอนซึที่มาจากการหมักของส้มยูซุ ได้รสชาติเปรี้ยวนำ เหมาะสำหรับเป็นจานเปิดเมนูเรียกน้ำย่อยเพื่อให้เจริญอาหารมากขึ้น
ชุ่มๆหอมเห็ดทรัฟเฟิล รสชาติดี อร่อยมากตัวนี้ แนะนำมาแล้วต้องสั่ง ราคา 650++ บาท

Koi Crispy rice Tuna (Or Salmon)
นำข้าวซูชิชุบโซยุทอด กรอบนอกนุ่มใน ท๊อบด้วยทูน่ารสชาติจะออกเผ็ดนิดๆ เมนูนี้ห้ามพลาด
ราคา 420++บาท

Geleno Roll เมนูมีเรื่องราวนะจ๊ะ
เมนูนี้กำเนิดขึ้นที่ New York จากลูกค้าที่เป็นลูกค้าประจำ ชื่อว่าMr.Geleno อยากให้เชฟครีเอทเมนูโรลที่แตกต่างและไม่เหมือนใครให้ทาน เชฟเลยคิดครีเอทเมนูนี้ขึ้นมาและตั้งชื่อว่า Geleno Roll ตามชื่อลูกค้าท่านนั้น ซึ่งต่อมาก็กลายเป็น Signature Roll ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีที่ koi ที่เดียวน่าและขอบอก อร่อยมาก พิมซีพีเคกินคนเดียวเกือบหมด (55) รสชาติถูกปากคนไทยแน่นอน มีความเผ็ดนิดๆและข้าวนุ่มมาก

ราคา 580 ++ บาท

สำหรับคนที่ต้องการลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม ซาชิมิชิ้นหนาเกรดพรีเมี่ยมที่ถูกคัดสรรอย่างปราณีตมาถึง 10 ชนิด

1. Bluefin Tuna – Chutoro ส่วนท้องทูน่ามันน้อย

2. Bluefin Tuna – Ootoro ส่วนท้องทูน่ามันเยอะ

3. Yellowfin Tuna – Akami ทูน่าเนื้อแดง ส่วนไร้มัน

4. Madai (Japanese Snapper)

5. Ikura

6. Hamachi

7. Salmon 8. Hotate (หอย) 9. Botan (กุ้ง) 10. Taco (เนื้อปลาหมึกยักษ์)

ราคาสำหรับทาน 3 ท่าน 3,200 ++ บาท คุ้มสุดๆ

ชิ้นหนาๆๆ เนื้อปลาสดมาก

ไข่ปลาเม็ดโต ไม่มีคาว

สำหรับคนที่ชอบทานเนื้อ ต้องชอบเมนูที่พิมกำลังจะมานำเสนอ เพราะมันอร่อยมาก
Peppercorn Australian Wagyu Fillet Mignon Toban Yaki – Hi-quality Australian imported beef steak served with mashed potato mixed with truffle oil สเต็กเนื้อวากิวนำเข้าจากออสเตรเลีย ปรุงสุกด้วยซอสเกรวี่ร้อนบนจานเซรามิคจากเตาอบ เสิร์ฟมาขณะที่ตัวซอสยังเดือดอยู่ ทานคู่กับมันบดที่คลุกเคล้ากับน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล ราคา 1,300 ++ บาท

เนื้อสุกกำลังดี ชุ่มด้วยซอสที่เข้าเนื้อ เวลาทานเนื้อนุ่มมากๆ ตัวซอสอร่อยสุดๆ มาKoi มาทานแค่ตัวนี้ก็ฟินแล้ว

มาถึงเมนูขนมหวาน ต้องห้ามพลาด Koi เค้าไม่ได้มีดีแค่อาหารคาว ขนมก็อร่อยจนแทบวางช้อนไม่ได้

Kurogoma&Matcha ราคา 450++ บาท

ใครได้มาร้านนี้ รับรองต้องติดใจเหมือนพิมซีพีเคแน่นอน

#พิมซีพีเค แนะนำแต่ของดีดี

รายละเอียดเพิ่มเติม

ร้าน Koi Restaurant Sathorn

พิกัด อาหารสาทรสแควร์ ชั้น 39 BTS ช่องนนทรีย์

เวลาปิดเปิด วันจันทร์-วันเสาร์ มื้อกลางวัน 11.30น.-15.00น. มื้อค่ำ 18.00น.-02.00น.
เบอร์จองโต๊ะ 080 3535 197, 02 108 2005https://www.facebook.com/koirestaurantbkk/

https://www.facebook.com/theclubatkoi/

รีวิว Scalini Saturday Brunch สุดคุ้ม สุดอลังการ ในย่านสุขุมวิท

Scalini Saturday Brunch

บุฟเฟต์วันเสาร์ที่สุดคุ้ม สุดอลังการที่สุดที่เคยกินมา มีทั้งล็อบสเตอร์ ไข่หอยเม่น คาเวียร์ สเต็กเนื้อแกะ ฟัวกราส์ และอีกหลากหลายเมนูให้เลือกสรรค์

เมนูใหม่ของทางร้านได้แก่ หอยเม่นทะเลเสิร์ฟแบบสดๆ, หมึกยักษ์กาลิเซียน, บอสตันล็อบสเตอร์ผ่าครึ่ง, และ เนื้อไพร์มแองกัส และ อีกทั้งยังมีเมนูอะลาคาร์ทที่สั่งได้แบบไม่อั้น อาทิ อกเป็ดย่าง, สเต็กเนื้อแฟลตไอร่อนเนื้อนุ่ม และ โทมาฮอว์กเนื้อแกะ

บอสตันล็อบสเตอร์ที่ห้องอาหารสกาลินี ตัวใหญ่มาก ตัวใหญ่เท่าหน้าพิมซีพีเคเลย และขอบอกว่าสดมากจริงๆ ตอนจับขึ้นมาถ่ายรูป ยังตัวเป็นๆอยู่เลย ที่นี่เค้าไม่ใช้กุ้งแช่แข็งนะจ๊ะ

ล็อบสเตอร์มี 2 เมนูให้เลือก กินได้ไม่อั้น ย้ำชัดๆ กินได้ไม่อั้นจริงๆ ที่ร้านเสิร์ฟเรื่อยๆจนเพื่อนๆจะไม่ไหว 55

เมนูแรก ล็อบสเตอร์ชีส สายชีสต้องชอบจานนี้ ชีสเยิ้มๆ เต็มตัวกุ้ง ฟินสุดๆ

เมนูที่2 ล็อบสเตอร์ย่าง จานนี้พิมชอบเพราะได้รสของความหวานของกุ้งและความเด้งของเนื้อกุ้งล็อบสเตอร์สุดยอดความอร่อย

สายเนื้อ ตัองปรบมือดังๆๆให้กับจานนี้

สเต็กเนื้อแฟลตไอร่อน เมนูนี้ห้ามพลาด เมนูขึ้นชื่อของห้องอาหารสกาลินี เนื้อชิ้นโตเสิร์ฟมากับฟัวกราส์และซอสเห็ดทรัฟเฟิล ว้าววว! มันคือสุดยอดเมนู ไม่รู้จะบรรยายความอร่อยยังไงให้เพื่อนๆเข้าใจว่ามันอร่อยจริงๆ

เมนูเด็ดๆของทางร้านยังมีมาเสิร์ฟต่อเนื่อง อร่อยทุกจาน อร่อยจนไม่รู้จะทานอะไรก่อนดี เมนู Main Course รวมอยู่ในบุฟเฟต์ทุกอย่างจ้า สั่งได้ไม่อั้นเช่นกัน

ไข่หอยเม่น หรือ Uni (Sea Urchin) จานนี้ต้องชมเชฟ ทำออกมา ได้กลมกล่อม เข้ากันทุกอย่าง อร่อยไปถึงซอส

ใครอยากลองไข่หอยแม่นแบบไม่ผสมก็มีนะจ๊ะ

ข้าวริชอตโต้ (Risotto) เสิร์ฟคู่กับอกเป็ด ข้าวไม่แข็งและไม่นิ่ม กำลังดี ทานคู่กับอกเป็ดอร่อยเข้ากันมากค่ะ

Egg and Caviar

Poached Egg หรือ ไข่ดาวน้ำเสริฟกับไข่คาเวียร์

Lamb Tomahawk ซี่โครงแกะชิ้นใหญ่ ใครเป็นสาวกเนื้อแกะ ต้องเมนูนี้เลย ที่นี่เค้าพิถีพิถันในการปรุง Sous Vide ให้เนื้อสุกในอุณหภูมิที่เชฟต้องการ ความฉ่ำของเนื้อมันฟินสุดๆ

Grilled wild cod เนื้อปลาคอดเสริฟ์มากับกุ้งและซอสเลมอน

หมูย่างตัวใหญ่มาก

สายหอย ก็ห้ามพลาด ที่นี่มีหอยนางรมให้เลือก 3 ประเทศ 3 ไซส์ ให้เลือก ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย และ ไอร์แลนด์ อร่อยทุกเชื้อชาติ

Salad, Cold Cut และ ขนมปังก็มี

อีกตั้งหลายเมนูที่ไม่ได้ทาน ต้องไปจัดใหม่ ของเค้าดีจริง

กุ้งแม่น้ำก็มี ซุปก็มี ซาชิมิก็มี โอ๊ยอยากกินไปสะทุกอย่าง เห็นอะไรก็น่ากินไปหมดเลย ตายๆๆๆๆ

หมึกยักษ์เค้าก็มี “หมึกยักษ์กาลิเซียน” ใหญ่จริงใหญ่จัง

สนุกสนานกับการกินของคาวไปแหละ ของหวานที่สกาลินีเพื่อนๆห้ามพลาด เก็บท้องไว้ชิมด้วยนะ เพราะมันอร่อยทุกอย่าง

อันนี้ชอบเป็นการส่วนตัว ชอบมาก อยากจะกินสัก 10 ชิ้น

ทาร์ตผลไม้รวม Pineapple Passion Mango Tart รสชาติออกเปรี้ยวๆ กินแล้วเพลิน

วนิลามูสสไตล์ตาฮิติ เสิร์ฟพร้อม เบอร์รี่ป่าสดๆ

Cheese Berries and Candy floss หน้าตาน่ารักดีนะ เหมาะแก่การถือถ่ายรูป รสชาติหวานๆ มันๆ พานาคอตต้านุ่มไม่เลี่ยนเลย

Creme Brulee

Warm Brownie

ใครอยากทานไอศกรีมเค้าก็มีหลายรสให้เลือก ช๊อคโกแลตก็มีน่า

จบเมนูของหวานก็มาเมนูเครื่องดื่ม ที่นี่เครื่องดื่มไม่รวมกับบุฟเฟต์ ต้องซื้อเพิ่ม ราคาตามนี้

สกาลินีแซทเทอร์เดย์บรันช์ราคาอยู่ที่ 2,400++ บาท.

แซทเทอร์เดย์บรันช์ใหม่ มาพร้อมโปรโมชั่นแพ็คเกจเครื่องดื่มสุดคุ้มตั้งแต่

แพ็คเกจม็อกเทล, น้ำอัดลม, ชา และ กาแฟ

(299++ บาท)

แพ็คเกจสปาร์คกลิ้งไวน์, ไวน์, เครื่องดื่มค็อกเทล, น้ำอัดลม, ชา และ กาแฟ (599++ บาท),

แพ็คเกจสำหรับคนรักเบียร์ (499++ บาท)

และแพ็คเกจพรีเมี่ยมที่ชวนให้ท่านมาดื่มด้ำกับแชมเปญแบบไม่อั้นในราคาเพียง 1,399++ บาท พร้อม เบียร์, ไวน์, เครื่องดื่มค็อกเทล, น้ำอัดลม, ชา และ กาแฟ

บรรยากาศในร้านโปร่ง ไม่อึดอัด ไลน์บุฟเฟต์เดินง่าย ร้านมีมุมถ่ายรูปสวยเยอะนะ แต่ต้องมาเร็วหน่อย เพราะร้านเค้าเต็มทุกอาทิตย์ อาจจะเดินถ่ายรูปยาก

Scalini Saturday Brunch Every Saturday

เริ่มตั้งแต่เวลา 12.30-15.00น.

ราคานี้ถือว่าถูกสุดๆ แค่มากินล็อบสเตอร์กับเนื้ออย่างเดียวก็คุ้มแล้ว

พิกัดและรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องอาหาร สกาลินี ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2

โรงแรมฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ ซอยสุขุมวิท 24

จองโต๊ะได้ที่ 02 620 6666 bkksu.fb@hilton.com

https://www.facebook.com/ScaliniBangkok/

ร้านนิชิกิ บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นแบบไม่อั้นกว่า 77 เมนู กินได้เรื่อยๆจนกว่าคุณจะหยุดเอง!!

วันนี้พิมซีพีเคชวนมาทานบุฟเฟต์ญี่ปุ่นแถวๆพระราม9 อยู่ในโรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน ร้าน”นิชิกิ” ร้านน่ารักนั่งสบาย บุฟเฟต์แบบมีพนักงานมาเสิร์ฟไม่ต้องลุกไม่ตักเอง สะดวกสบายสุดๆ

อาหารจะมีทั้ง A la carte หรือทานเป็นแบบบุฟเฟต์ ตามเมนูโปรดที่เราชอบ มีให้เลือกถึง 77 เมนู อาทิเช่น ซูชิ ซาซิมิ ซูชิโรล ข้าวปั้นหน้าต่างๆ ปลาไข่ ปลาดิบ นานาชนิด แคลิฟอร์เนียร์โรล เทปันยากิ เทมปุระ โซบะ หัวปลาแซลมอน พิซซ่าญี่ปุ่น สเต็ก ชาบู และอีกมากมายหลากหลายเมนู

ทุกเมนูสั่งได้ไม่อั้น ยกเว้นเมนูที่มีสัญลักษณ์จุดแดง สั่งได้แค่คนละคำ รูปภาพที่พิมซีพีเคถ่ายมาวันนี้ก็จะมีแบบ A la carte ด้วยน่า เวลามาสั่งแบบบุฟเฟ่ต์ทางร้านจะเสิร์ฟแบบจานต่อท่าน นะจ๊ะ

เมนูที่พิมซีพีเคทานในวันนี้แต่ละอย่างอลังการสุดๆอิ่มจนไม่อยากจะลุกกลับบ้าน(555)

เริ่มด้วยกุ้งเทมปุระ ทอดมากรอบๆ เนื้อกุ้งเด้งๆ

เชตนี้ต้องร้องว้าว ชุด Sashimi ปลาดิบรวมคำโตๆ เนื้อปลาสด วัตถุดิบเกรดพรีเมียมจริงๆ

ในส่วนเมนู Makimono Roll มีให้เลือกหลายเมนูแต่ทางร้านได้คัดตัวเด็ดๆมาให้เลย มาแล้วต้องสั่งเมนูนี้

ครั้นซี่โรล

เรนโบว์โรล

และโกลเด้นโรล อร่อยทุกตัว คนที่ชอบทานโรลแบบพิมต้องถูกใจ

อีกเมนูที่กำลังจะนำเสนอ เค้าว่ากันว่าเด็ด มาแล้วต้องสั่ง ห้ามพลาดเด็ดขาด คือ หมูสามชั้นต้มซีอิ้ว เนื้อหมูนุ่มแทบไม่ต้องเคี้ยว น้ำซุปออกหวานเค็ม ทานคู่กับข้าวร้อนๆฟินไปเลย

เมนูต่อไป ซูชิ หากหลายเมนู ไฮไลต์ก็อยู่ตรงที่ ฟัวกราส์กับปลาไหล แต่ได้คนละ 1 คำ เท่านั้นนะค่ะ

หน้าอื่นๆสั่งตามสบายจ้า

ข้าวหน้าปลาไหล ก็ได้คนละชาม

ข้าวหน้าแซลมอน กับไข่ปลา

ปลาไข่ย่าง

ยำปลาดิบรวม ใครชอบแซ่บๆต้องจานนี้

เต้าหู้ทอดราดซอสมิโซะกับเต้าหู้เย็น

ในส่วนของ เทปันยากิ ก็จะทั้ง ซีฟู้ด, เนื้อ หรือ ปลาแซลมอน อร่อยทุกอย่าง แล้วแต่ใครชอบแบบไหน

ชาบูซดน้ำร้อนๆ ก็น่ากินสุดๆ มาเป็นหม้อใหญ่ๆ

นี่แค่ส่วนหนึ่งของเมนูอาหารคาวที่ทางร้านมีมาเสิร์ฟเพื่อนๆ ของหวาน ก็น่าทานสุดๆ

ทั้งเมนู เฟรมเบ้กล้วยหอม เสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีม ตัวซอสรสชาติเปรี้ยวนิดๆหวานหน่อยๆ ทานเพลินๆ

อีกตัวที่พิมแนะนำ เป็นไอศกรีมวนิลาไส้โมจิทอด กรอบนอกนุ่มใน ตัวแป้งออกเหนียวๆ อร่อยดีค่ะ

เครื่องดื่ม มีชาเขียวเย็นและชาเขียวร้อน รวมในบุฟเฟต์

เพื่อนๆที่เป็นสาวกอาหารญี่ปุ่น มาที่นี่ทีเดียวคุ้มมาก เมนูมีให้เลือกมากมายจนกินแทบไม่ไหว ลองแวะมาสักครั้งแล้วจะติดใจ

ราคา มื้อกลางวัน เวลา 11.30 – 14.30 น. ราคา 699 บาท++ (823 บาทสุทธิ) บุฟเฟ่ต์มื้อเย็น เวลา 18.00 – 22.30 น. ราคา 799 บาท++ (941 บาทสุทธิ)

พิกัด โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน กรุงเทพ (Golden Tulip Sovereign Hotel) ย่านพระราม 9 มีรถโรงแรมบริการรับ-ส่ง ระหว่างโรงแรม กับศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า แกรนด์ พระราม9 (MRT พระราม9) โดยรถจะจอดรับเป็นรอบๆ บริเวณประตูฝั่งโรบินสัน

รายละเอียดเพิ่มเติม

เบอร์โทร 0 2641 4777

https://m.facebook.com/GoldenTulipBangkok/

#พิมซีพีเค แนะนำแต่ของดีดี

#Pimcpk