Azuma Sport Park (Fukushima)

มาญี่ปุ่นครั้งแรก ก็มีวีรกรรมให้จดจำ ที่ Azuma Sport Park สถานที่ที่คนมักนิยมมาถ่ายรูป กับต้นแปะก๊วย

เหยียบถึงญี่ปุ่นก็ต่อแถวรับบัตร JR East Pass 5 วัน นั่ง Shinkansen มาถึง Fukushima เลยรวดเร็วมาก ที่นั่งก็สะดวกสบาย

นั่ง Shinkansen ครั้งแรกก็จะตื่นเต้นหน่อย รถไฟมีแต่สวยๆๆ วิ่งเร็วฝุ่นตลบเลยยย เร็วกว่าที่เยอรมันอีก(Inter City Express)

ถึงแล้วก็ลากกระเป๋าเข้าไป Check in ที่โรงแรม APA Hotel ติดกับสถานีรถไฟเลย วางกระเป๋าปุ๊บก็ออกเที่ยวต่อแบบไม่ต้องพัก

จากโรงแรมก็เดินหาป้ายรถเมล์ Fukushima Station เพื่อจะขึ้นไป Azuma sport park อยู่หน้าป้ายรถเมล์ดูตารางยืนงง งง เหลือบไปเห็นคุณป้าคนนึง หน้าตาใจดี ก็เลยสอบถาม คุณป้าใจดี บอกนั่งรถสาย 7 แล้วคุยกับคนขับดิบดี ส่งเราขึ้นรถพร้อมให้ขนมคนละถุง น่ารักจริงๆ

นั่งรถเมล์ไปสักครึ่งชั่วโมงได้ ก็จะถึงจุดหมายในรีวิวกล่าวไว้ ตามรอยเค้ามา…ฮาฮ่า นั่งรถเมล์ของญี่ปุ่นครั้งแรก อิอิ

ราคาค่าโดยสาร 630 เยน

ถึงแล้วสถานที่จะเงียบๆหน่อยบริเวณแถวนี้ แทบจะไม่มีคนเดินในสวน มีแต่รถจอดเยอะอยู่นะ แต่ไม่เห็นคน ก่อนเข้าไปถ่ายรูปเล่นเราก็เช็คเวลากลับ ว่ารถเมล์จะมากี่โมง ตอนเราไปถึงน่าจะบ่าย กะกลับสักบ่าย2บ่าย3 เพื่อไปเที่ยวที่อื่นต่อ ….. เรื่องรถจบตรงนี้แป๊ปนึง มีตอนต่อไป 55..

Azuma sport park เป็นแหล่งออกกำลังกายหรือเป็นที่พักหย่อนใจ หลักๆที่เห็นคนขับรถเข้ามาก็จะเป็นผู้ปกครองมาส่งลูกเรียนเบสบอล รอบๆก็จะมีต้นไม้ล้อมรอบ บรรยากาศดี ตอนพิมไปอากาศกำลังสบายๆ เดินชิวๆ

ใจจริงอยากมาถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสี แบบสีเหลืองๆ มุมสวยๆๆ แต่เรามาเร็วไป และหามุมยอดนิยมไม่เจอ ก็จะได้มาประมาณนี้นะจ๊ะ

พอถ่ายรูปหนำใจ และถอดใจกับการเดินวน หาจุดยอดฮิต ต้นแปะก๊วยไม่เจอสักที บวกกับดูเวลาแล้ว รถเมล์กำลังจะมา ก็ตัดสินใจกลับ

เดินมารอรถเมล์จุดเดิมที่เราลง ปกติที่อ่านรีวิวมาพี่ๆก็จะบอกว่า รถโดยสารในญี่ปุ่นตรงเวลา เราก็รอไป รอไป รอไป รอไป ….

รอไป รอไป รอไป….. รอจากมีแดดจนแดดหมดเป็นเวลา 3 ชั่วโมงเต็มๆ ไม่มีร้านน้ำร้านกาแฟ ไม่มีที่นั่งรอ ต้องนั่งกับพื้น และอากาศเริ่มเย็น ได้แต่มองรถยนต์ขับผ่านไปผ่านมา ไม่มีวี่แววรถเมล์สักคัน เดินไปถามรปภ. พี่รปภ. มาดูที่ป้ายรถเมล์และบอกว่า รถเมล์จะมาอีกที 17.00 กว่าๆๆ จำเวลาแน่นอนไม่ได้!! แต่ที่จำได้แม่นคือประโยคเด็ดของพี่รปภ. ดันมาบอกเราว่า ” Fighto” คร่าาาาา😔

พอเห็นฟ้าเริ่มมืด พิมซีพีเคและเพื่อนต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะมืดไปกว่านี้ เพราะแถวนี้ค่อนข้างชนบท พิมจึงตัดสินใจโบกรถ ที่เค้าขับออกมาจาก sport park และถามแบบคำต่อคำ (เพราะคนญี่ปุ่นพูดอังกฤษได้น้อยมาก)

พี่ผู้หญิงเป็นคนขับ ขับมาคนเดียว พิมก็ถามสะดวกให้เราติดรถไปลงป้ายรถเมล์แถวๆนี้ไหม ที่มันมีรถเมล์ผ่านมากกว่านี้ เพราะเรารอรถเมล์มา 3 ชั่วโมงแล้ว ไม่มีรถผ่านมาเลย พี่เค้าก็ถามเราไปไหน เราก็บอก Fukushima Station เค้าก็คิดนิดนึง เราก็ลุ้น ลุ้นยิ่งกว่าลุ้นหวยสะอีก เหงื่อไหลด้วยความตื่นเต้น ตอนพี่ผู้หญิงออกมาจากรถ พร้อมเก็บของหลังรถมาไว้หน้ารถ แล้วบอกให้เราทั้ง3เข้ามานั่ง ในใจดีใจสุดๆ เป็นการโบกรถครั้งแรกในชีวิต พี่ผู้หญิงถามเราอยู่มานานหรือยัง เราบอกเพิ่งมาวันนี้ เค้าหัวเราะ อยากจะบอกเหยียบญี่ปุ่นไม่ถึง 12 ชั่วโมงดีเลยจ้า 555…

สรุปพี่ผู้หญิงมาส่งถึงหน้าโรงแรมเลยค่าคุณ ใจดีสุดๆๆ ไม่รู้จะตอบแทนน้ำใจยังไง ได้แต่ say thank you thank you thank you เป็นสิบๆครั้ง น่ารักสุดๆ ❤️

สรุปใครจะมา Azuma Sport Park ให้ขับรถมาเอง หรือดูตารางรถเมล์ดีๆ ถามให้ละเอียด อ่านข้อมูลมาให้ชัวร์ จะได้ไม่เป็นเหมือน Pimcpk นะจ๊ะ

#ครั้งหนึ่งในชีวิต

#Pimcpkinjapan

#Pimcpk

เทศกาลอาหารอินเดีย ที่ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ

โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ร่วมกับร้าน “บาวาร์ชิ” ร้านอาหารอินเดียชั้นนำ จัดเทศกาล “อาหารอินเดีย” ณ ห้องอาหารเดอะสแควร์

ในวันที่ 10 มิถุนายน-23 มิถุนายนนี้

พิมบอกเลยว่า คนที่ไม่ชอบอาหารอินเดียมาก่อนมาได้ชิมแล้วจะติดใจ ร้านบาวาร์ชิ ร้านอาหารอินเดียชั้นนำระดับประเทศ ด้วยรางวัลการันตีคุณภาพมากมาย โดยได้รับรางวัลจาก Thailand Tattler ให้เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในประเทศไทยเป็นเวลาหลายปีติดต่อกันและยังได้รับ Certificate of Excellence จาก Trip Advisor เป็นประจำ รวมไปถึงรางวัลจาก Readers Choice ให้เป็นร้านอาหารอินเดียที่ดีที่สุดในต่างประเทศ โดยสภาร้านอาหารอินเดีย ว้าว!!

เทศกาล “อาหารอินเดีย” ณ ห้องอาหารเดอะสแควร์ พร้อมบุฟเฟต์นานาชาติ

ในราคาเพียง 820 บาทเน็ต เวลา 11.30-14.00 น.

และมื้อเย็น Dinner buffet ราคา 1,120 บาท เน็ต

เวลา 18.00-22.30น.

Sunday Brunch ราคา 1,299 บาท เน็ต (Lobster 1 ตัวต่อคน) เวลา 11.30-15.00 น.

มาคุยกันเรื่องอาหารอินเดีย เริ่มต้นเราต้องดื่มเครื่องดื่ม ของเค้าเพื่อให้เจริญอาหาร
Lassi ลาสซี่ โยเกิร์ตผสมม่ะม่วง

เริ่มต้นด้วย
Chicken Samosa and Vegetable Samosa ซาโมซ่าไก่และซาโมซ่าผัก ส่วนตัวชอบเมนูนี้มากอยู่แล้ว ยิ่งทานของที่เชฟทำ อร่อยมากเลย กินคนเดียวแทบไม่แบ่งใคร

อาหารจานหลัก
ริ่มจากใครชอบทานข้าว หรือ แป้งโรตี จะทานทั้ง2อย่างก็ได้ อร่อยเหมือนกัน
ข้าว Basmati Rice เป็นข้าวพันธุ์ที่ดีที่สุดของอินเดีย ข้าวเรียงเม็ดสวยและมีขนาดใหญ่ ทานกับแกงกะหรี่ มันฟินสุดๆ

Assorted Indian Bread โรตี และขนมปังอินเดีย
มีให้เลือก 3 แบบ แป้งขาว แป้งโฮลวีท และแป้งเนยกระเทียม แล้วแต่ชอบเลยจ้า

ชนิดของแกงต่างๆ
Daal Makhani แกงถั่วใส่เนย เมนูนี้ทานคู่กับแป้งโรตีอร่อยมาก เชฟบอกความเผ็ดของสีแกงให้เรียงจากสี สีเข้มคือเผ็ดมาก สีอ่อนคือเผ็ดน้อย แต่ตัวนี้พิมว่ากำลังพอดี อร่อย

Malabari Fish Curry แกงกะหรี่ปลา เมนูนี้ชอบมาก เติมแล้วเติมอีก เนื้อปลากรอบ ทานกับแกงกะหรี่ของทางร้านเข้ากันมาก ชอบสุดๆ

Aloo Gobhi มันฝรั่งและดอกกระหล่ำบดใส่เครื่องเทศใครไม่ชอบทานเนื้อเมนูผักก็มี แกงกะหรี่ใส่ผักอร่อยดีนะ

Panner lababdar แกงกะหรี่ชีส ใครชอบทานชีส อันนี้ชีสมาจากอินเดีย มันก็จะมีกลิ่นชีสแบบเครื่องเทศ น้ำข้นๆหน่อย

Lamb Roganjosh แกงกะหรี่เนื้อแกะ

ใครที่ชอบทานแกะ เมนูนี้ต้องถูกใจแน่นอน หอมมาก

Chicken tikka Masala ไก่มาซาลา หน้าตาก็จะคล้ายๆๆกันไปหมด แต่รสชาติต่างกันนะ แกงที่ใช้แต่ละชนิดก็ต่างกัน วัตถุดิบก็นำเข้าบ้าง ใช้ที่ไทยบ้าง

แต่รับรองอร่อยทุกจาน

ก่อนทานของหวาน เชฟบอกเราต้องทานโยเกิร์ตอีกครั้งเพื่อดับกลิ่นคาว

ของหวานของอินเดียมีชื่อว่า
Gulab Jamun กุหลาบจามุน ชื่อเพราะจัง แต่ขอบอกว่า หวานมากกกกกก ใครไม่ชอบทานหวาน ให้ชิมๆพอ 5555

ในส่วนของไลน์บุฟเฟต์ก็มีหลากหลายเมนู ทั้งไทย ทั้งเทศ ญี่ปุ่นก็มีน่า แล้วแต่จะเลือกทาน





ข้าวต้มมัดอร่อยยยย ชอบๆๆ

บรรยากาศร้านน่านั่งมาก เก้าอี้ตัวใหญ่นั่งสบาย พนักงานบริการดีมาก ใครชอบความโอ่อ่า เพดานสูงๆ นั่งแล้วไม่อึดอัด ที่นี้เหมาะมากคะ


ตอนนี้ทางร้านมีโปรโมชั่น
พิเศษสุดคุ้ม! “มา 4 จ่ายเพียง 3” เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิต Aeon, KTC ,Krungsri และ SCB

การเดินทางก็สะดวกสบาย
นั่ง Airport link มาลงสุวรรณภูมิ ทางออก2
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือจองที่นั่ง

http://www.novotelairportbkk.com/th/offers/
เทศกาลอาหารอินเดีย

พิมซีพีเคแนะนำ

รีวิว Afternoon Tea แบบไทยต้นตำรับ โดย เชฟปิ๊ก คณิน สินพันธ์

ถ้าพูดถึง Afternoon Tea เดี๋ยวนี้เกือบทุกโรงแรมมีทั้งนั้น อาหารก็ตามแบบตามสไตล์ของโรงแรมนั้นๆ

“โรงแรมศิริ สาทร” ก็มี Afternoon Tea ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นมาก ทั้งอาหารและการตกแต่ง แบบไทยต้นตำรับ โดย เชฟปิ๊ก คณิน สินพันธ์ เชฟที่มีฝีมือดีเรื่องอาหารไทยโบราณอันดับต้นๆของเมืองไทยเป็นคนปรุงแต่งทั้งหมด

เชฟปิ๊ก คณิน สินพันธ์ ผู้เปี่ยมไปด้วยความรักและหลงไหลในอาหารไทยตั้งแต่เยาว์วัย จนได้รับรางวัลเหรียญทอง TICC 2 ปีซ้อนจาก TICC, Thailand International Culinary Classic Thai Cuisine: Individual (professional) ด้านอาหารไทยโบราณผู้ร้อยเรียงเรื่องราวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมผ่าน Afternoon Tea

หนึ่งในคอนเซปของ afternoon tea คือ ความเป็นมงคลดังนั้นจึงชื่อจะมีความหมายที่ดีและเลขศาสตร์ที่รวมแล้วเป็นมงคล พร้อมกับความคล้องจองของเซตชาทั้ง 4 ตามฉบับความเป็นเจ้าบทเจ้ากลอนของคนไทยและจำเป็นต้องมี “ศ” อยู่ในคำนั้นได้แก่

“ศิวนาถ” “ทิพยวิมานมาศ”

“เทวาวาศสถิตย์” “ฉกธรนิศส

โดยในแต่ละชุดจะเริ่มจาก “ศิริจตุรมาศ” ขนมทองอันเป็นมงคลทั้ง 4 ประกอบด้วย

ทองชมพูนุท (เมตตามหาเสน่ห่าและเป็นที่รัก) , ทองนพคุณ (คุณงามความดีและลาภยศสรรเสริญ) ทองเอก (การเป็นที่หนึ่ง ความก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน การได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง) และทองอัฐ (การมีเงิน มีทองเหลือกินเหลือใช้) โดยมีทั้งกระบวนการทำที่ละเมียดละเอียดอ่อนพร้อมความหมายที่เป็นมงคล

ชุดขนม “ศิริจตุรมาศ” จึงถูกจัดให้กับเซต Afternoon Tea ในทุกๆเซท

ชุด Afternoon Tea ของโรงแรมศิริ สาทร มีทั้งหมด 4 ชุด แต่วันนี้พิมซีพีเคได้มีโอกาสได้มาทานชุดที่อลังการที่สุดของเชฟปิ๊ก มีชื่อว่า “ศิวนาถ” ที่แปลว่า ที่พึ่งอันประเสิรฐ แค่ชื่อก็อลังการสุดๆ

แต่พอเดินเข้ามาที่ศิริทีรูม แล้วเห็นการจัดโต๊ะ ถึงกับต้องอ้าปากค้างกับความสวยงามของดอกไม้และความพิถีพิถันของคนจัด สวยงามมากจริงๆ ขอปรบมือให้ดังๆ

Afternoon Tea ประกอบด้วย ชุดขนม “ศิริจตุรมาศ” “กุ้งซ่อนกลิ่น” ขนมหวาน และ “เครื่องว่าง 6 รัชกาล” ปิดท้ายด้วย ส้มฉุน พร้อมชาร้อน 2 กา ให้บริการในราคา 1,790 บาท+

เมนูกุ้งซ่อนกลิ่น สวยมากเห็นแล้วไม่กล้ากินจริงๆๆ อยากจะมองจนให้ดอกไม้เหี่ยวไป 55!!

รสชาติอร่อยมากจริงๆ

กุ้งซ่อนกลิ่น เปิดสำรับเรียกน้ำย่อยด้วย กุ้งซ่อนกลิ่น กุ้งดิบที่ผ่านการทำให้สุกด้วยวิธี ‘สะเออะ’ เอากุ้งมาขยำกับเกลือและน้ำมะนาว

ทุกเมนูจะเสิร์ฟพร้อมชา “ภุมรินทร์ถวิลหา” หรือ ชาถวายตัว เชฟปิ๊กได้แรงบันดาลใจมาจาก ชาที่นางข้าหลวงดื่มก่อนการถวายตัวในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 โดยปรุงชาจากสมุนไพรและดอกไม้ไทย

ช่วยการไหลเวียนของเลือด ขับเหงื่อปนกลิ่นดอกไม้ที่ช่วยให้กลิ่นกายหอมด้วยสรรพคุณจากสมุนไพรไทยอย่างใบบัวบ ขลู่ และกลิ่นหอมเย้ายวนจากดอกไม้ไทยที่ประกอบด้วย จำปี จำปา กระดังงางาและลีลาวดี

นอกจากนี้ยังมี “ชานมัสการ” ชาสีเหลืองทองหอมด้วยดอกคาโมมายล์ มะตูม ชะเอม ดอกคำฝอย หญ้าหวาน จาก “สวรรค์บนดิน” แหล่งชาของไทย จังหวัดเชียงราย

“เครื่องว่าง 6 รัชกาล” คือ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ถูกส่งผ่านเมนูอาหาร โดยเริ่มจากปฐมบทรัชสมัยแห่งราชวงศ์จักรีด้วย

“ขนมค้างคาวเผือกเจ้าครอกทองอยู่”

รัชกาลที่ ๑ ขนมค้างคาวเผือกเจ้าครอกทองอยู่ “ขนมค้างคาวเจ้าครอกทองอยู่ ขนมไส้หมูเจ้าครอกวัดโพ” สำนวนนี้เป็นที่เล่าขานกันในหมู่ชาววัง เจ้าครอกทองอยู่ นั้นท่านมีฝีมือในการทำขนมค้างคาวมาก และทำถวายล้นเกล้ารัชกาลที่1 เรื่อยมา

ต่อด้วยความรุ่งเรืองทางศิลป์ของรัชกาลที่ 2 ด้วยเมนู “ช่อมวงไส้ปูและแสร้งว่ากุ้ง”

รัชกาลที่ ๒ ช่อม่วงไส้ปู

ช่อม่วงเหมาะมีรส หอมปรากฏกลโกสุม คิดสีสไลคลุม

หุ้มห่อม่วงดวงพุดตาน พระราชนิพนธ์ฯ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศเหล้านภาลัย

ตามพระราชนิพนธ์ฯ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

“ปลาแห้งแตงอุลิด”

รัชกาลที่ ๓ ปลาแห้งแตงอุลิด จากวรรณกรรรมของกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สุนทรภู่เมนูปลาแห้งแตงโม เป็นเมนูที่นิยมใน่ช่วงสมัยนั้น มีทั้งบันทึกทางประวัติศาสตร์และวรรณกรรม

ถูกยกเข้ามาในยุคของรัชกาลที่ 3 เจ้าสัวแห่งราชวงศ์ จากวรรณกรรม พระอภัยมณี ตอน อภิเษกหัสไชย กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สุนทรภู่ ซึ่งประพันธ์ในราวปี พ.ศ. 2364-2366 ถัดมาเข้าสู่รัชสมัยแห่งวิทยาศาสตร์ไทยในรัชกาลที่ 4 ด้วยเมนู

“ม้าฮ่อพระนครคีรี”

เครื่องว่างผลไม้รสเปรี้ยว เชฟปิ๊กเลือกใช้สัปปะรดจากจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรมยังต่างจังหวัด เดินทางสู่รัชสมัยแห่งการปฏิรูปด้วยเมนู

“หมี่กรอบพระพุทธเจ้าหลวง” (ขอบคุณรูปจากโรงแรม)

รัชกาลที่ ๕ หมี่กรอบพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปรากฏหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรว่าทรงโปรด หมี่กรอบและหมี่ผัด หมี่กรอบนี้เป็นสูตรที่คนจีนคิดค้นให้ถูกลิ้นคนไทย นำเส้นหมี่ไปทอดแล้วคลุกกับน้ำปรุงซึ่งให้รสชาติแบบไทยทำจากน้ำส้มมะขาม น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ แล้วบีบน้ำส้มซ่าลงไป

โดยมีปรากฎเป็นลายลักษณ์อักษรว่าทรงโปรด หมี่กรอบและหมี่ผัด และสุดท้าย “เมี่ยงคำ”

รัชกาลที่ ๖ เมี่ยงคำ “เมื่ยงคำน้ำลายสอ เมี่ยงสมอเมี่ยงปลาทู ข้าวคลุกคลุกไก่หมู น้ำพริกกลั้วทั่วโอชา” บทพระราชนิพนธ์ “กาพย์เห่ชมเครื่องว่าง” ของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

ในบทพระราชนิพนธ์ “กาพย์เห่ชมเครื่องว่าง” โดยเมนูเชฟปิ๊กใช้กรรมวิธีการทำแบบสมัยใหม่โมเลกุล่าสเฟียร์กับน้ำเมี่ยงคำ ให้เข้ากับรัชสมัยแห่งศิลปะการแสดงและอิทธพลของตะวันตก

ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น เรียก “ส้มฉุน” ใช้นามกร

หวนถวิลลิ้นลมงอน  ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน

ยกมาจาก กาพย์เห่ชมเครื่องคาว-หวาน(กาพย์เห่ชมผลไม้) บทพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ล้นเกล้ารัชกาลที่ 2

มาถึงอาหารหวาน ผลไม้ลอยแก้วที่อร่อยมาก หอมน้ำส้มซ่า รสชาติกลมกล่อมไม่เปรี้ยวและไม่หวานจนเกินไปอร่อยจริงๆ

ส้มฉุน ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่นเรียก ส้มฉุน ใช้นามกร หวนถวิลลิ้นลมงอน ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน” …กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ส้มฉุน เมนูขนมหวานที่มีกล่าวถึงใน กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานโดยส้มฉุนนั้นหมายถึงผลไม้ที่ปรุงกับน้ำลอยแก้ว มีจุดเด่นอยู่ที่น้ำและผิวของผลส้มซ่าทำให้ได้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ส้มฉุนถ้วยนี้จะถูกเสิร์ฟบน กรานิต้า เกร็ดน้ำแข็ง

น้ำส้มฉุนที่ผ่านการปรุงรสข้ามคืนที่มีทั้งหวานอมเปรี้ยว ปรุงกลิ่นจากส้มซ่า ปรุงสีจากใบเตยคั้นสด นำมาแช่แข็งและขูดเป็นไอติมเกร็ดน้ำแข็ง โรยหน้าด้วยขิงอ่อนมะม่วงเปรี้ยวและหอมเจียว รสแรกที่เข้าปากคือเปรี้ยวและกลิ่นของของขิงอ่อนซอยบางผสมมะม่วงกลิ่นของขิง ส้มซ่าและหอมเจียวผสามนขึ้นจมูกยิ่งทำให้สดชื่นและเคี้ยวลอยแก้วมะยงชิดทิ้งรสหวานไว้สุดท้ายที่ทั้งหวาน หอม สดชื่น

ขนมหวานผกากรอง ขนมหวานไทยประยุกต์สมัยใหม่หอมควันเทียนไส้ถั่ว ตกแต่งมาสวยมาก

ข้าวเหนียวมะม่วง

ข้าวเหนียวมะม่วงประยุกต์ให้ทันสมัย เพิ่มลูกเล่นของข้าวเหนียวมูนด้วยฝอยทองตัดรสหวานด้วยเจลรสมะม่วง และมะม่วงสุก

เมนูสุดท้าย

“ตะโก้สาคูกะทิสด” อร่อยสุดๆอยากจะกินให้หมดทั้งถาด

อร่อยจนหยุดกินไม่ได้จริงๆ

สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณเชฟปิ๊ก ที่ได้สร้างสรรค์อาหารสุดอร่อยมาให้พิมซีพีเคและเพื่อนได้ทาน ประทับใจทุกคำ ทุกจาน ทุกคำบรรยาย อร่อยและได้ความรู้กลับบ้านพร้อมกับรอยยิ้มจริงๆ

โรงแรมศิริ สาทร

โรงแรมประกอบด้วยห้องสวีท 108 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันที่ง่ายต่อการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสถานีศาลาแดง ศิริ สาทรจึงที่เป็นโรงแรมสุขภาพระดับสากลแห่งแรกในใจกลางย่านธุรกิจอย่างเขตสาทรโดยการนำเสนอที่ผ่านการผสมผสานทั้งชีวิตการทำงาน พักผ่อน และสุขภาพอย่างลงตัว ศิริ สาทรจึงมุ่งเน้นความเป็นพิเศษและจุดเด่นของของสถานที่ตั้งผ่านแนวคิดด้านสุขภาพในรูปแบบของโรงแรมและความร่วมสมัยอย่างแท้จริง โดยรวบรวมความเป็นเอกลักษณ์ของการใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ในแบบเวลบีอิ่ง(Well-being)

รายละเอียดราคา ทั้งหมด 4 ชุด ได้แก่

“ทิพยวิมานมาศ” Afternoon Tea ที่ประกอบด้วย ชุดขนม “ศิริจตุรมาศ” และเครื่องว่าง 3 ชนิดในชุดเครื่องว่าง 6 รัชกาล(ไม่สามารถเลือกได้ และตะโก้สาคูมะพร้าวอ่อน พร้อมชา 1กาในราคา 350บาท ++

“เทวาวาศสถิตย์” ดั่งอาหารจากบนสวรรค์, Afternoon Tea ที่ประกอบด้วย ชุดขนม “ศิริจตุรมาศ” ขนมหวาน และ “เครื่องว่าง 4 รัชกาล” พร้อมชาร้อน 2 กาในราคา 790 บาท++

“ฉกธรนิศสมัย” เครื่องว่าง 6 แผ่นดิน, Afternoon Tea ที่ประกอบด้วย ชุดขนม “ศิริจตุรมาศ” ขนมหวาน และ “เครื่องว่าง 6 รัชกาล” ปิดท้ายด้วย ส้มฉุน พร้อมชาร้อน 2 กา ในราคา 1,290 บาท++

“ศิวนาถ” ที่พึ่งอันประเสิรฐ , Afternoon Tea ที่ประกอบด้วย ชุดขนม “ศิริจตุรมาศ” “กุ้งซ่อนกลิ่น” ขนมหวาน และ “เครื่องว่าง 6 รัชกาล” ปิดท้ายด้วย ส้มฉุน พร้อมชาร้อน 2 กาในราคา 1,790 บาท++

Thai Afternoon Tea

ให้บริการในช่วงเวลา 14.00 –17.00น.

พิกัด: โรงแรมศิริ สาทร ซอยศาลาแดง1

**สำหรับผู้ที่สำรองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้นเนื่องจากเชฟปรุงเมนูทุกอย่างสดใหม่ทุกเมนู**

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่

โทร. 02-2662345

เว็บไซต์ www.sirisathorn.com

https://www.facebook.com/sirisathorn

อีเมล liquidbar@sirisathor

รีวิวบุฟเฟต์มื้อเย็นห้องอาหาร PUBLIC Restaurant โรงแรมอวานี เอเทรียม กรุงเทพ ฯ

ห้องอาหารพลับบลิค โรงแรมอวานี เอเทรียม กรุงเทพ ฯ ได้เปิดไลน์บุฟเฟต์มื้อเย็น อาหารไทยขนานแท้ ทั้งคาวและหวาน แต่ละเมนูน่าทานมาก มีถึง 31 ตุลาคมนี้เท่านั้น

บรรยากาศในห้องอาหารนั่งสบาย กว้างขวาง จัดไลน์อาหารเดินตักง่าย ดูแล้วสะอาดตามากค่า

ไลน์อาหารก็ไล่ไปตั้งแต่ น้ำพริกกะปิ ปลาทู จะทานแบบเมี่ยงปลาทูก็อร่อย ผักมีให้เลือกเป็นตะกร้าเลยจ้า

ต่อไปเมนูที่ขาดไม่ได้ เวลานึกถึง อาหารไทย ส้มตำนั่นเอง อยากได้รสชาติแบบไหนตำได้เองเลย ถ้าไม่สะดวกตำเองก็บอกพนักงานตำให้ก็ได้ค่ะ

ทางห้องอาหารพลับบลิค เค้าก็มีมุมซีฟู้ดเอาใจคนรัก กุ้ง หอย ปู ด้วยน่า กุ้งสามารถหยิบไปให้เชฟปิ้งให้ร้อนๆมาเสิร์ฟ กินกันจนจุใจไปเลย

ต่อไปก็จะเป็นไลน์ต้มผัดแกงทอด ก็จะมีต้มยำกุ้ง, ต้มข่าไก่, แกงเขียวหวาน, แกงแดง, ผัดผักต่างๆ ข้าวผัด ข้าวสวย ขนมจีน ของทอด ก็มีปอเปี๊ยะทอด ทอดมัน

ต้มเล้งแซ่บก็มี ทำให้ทานแบบสดๆ ปรุงรสกันเองเลย ชอบรสชาติแบบไหน เผ็ดมากเผ็ดน้อย เปรี้ยวมากเปรี้ยวน้อย

ข้าวซอยก็อร่อย อยากจะทานเส้นอะไร เค้าก็มีให้เลือก

ไลน์ต่อไปถือว่าเด็ด ใครชอบทานไก่ย่าง หมูย่าง ต้องมุมนี้

มีให้เลือกหลากหลายมากมาย

ข้าวหมูแดง ก็มี อร่อยด้วย

มาถึงของหวานก็มีทั้ง ผลไม้ ขนมไทย ขนมเค้ก อร่อยทุกอย่าง เลือกไม่ถูกจะกินอะไรก่อนดี

เครื่องดื่มมีน้ำเปล่า ชา กาแฟ รวมในบุฟเฟต์

ใครที่ชอบทานอาหารไทยแบบต้นฉบับ ร้านนี้พิมซีพีเคแนะนำ บรรยากาศ อาหาร บริการ ดีไปหมด

ห้องอาหารพลับบลิค โรงแรมอวานี เอเทรียม กรุงเทพ ฯ

ราคาบุฟเฟต์มื้อเย็น 1,200 บาท++

แต่ตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่นลด 50% เหลือ 707 net

กดจองได้ที่ http://bit.ly/2kuqcHu

เวลาปิด-เปิด 18.30น.- 22.30น.

สำรองที่นั่งโทร 027182000

https://www.facebook.com/avaniatriumbangkok/

The SIB Beauty Clinic เปิดตัวนวัตกรรม Hybrid Breast เทคนิคการเสริมหน้าอกโดยการเสริมซิลิโคนร่วมกับการเติมไขมันตนเอง

The SIB Beauty Clinic เปิดตัวนวัตกรรม Hybrid Breast เทคนิคการเสริมหน้าอกโดยการเสริมซิลิโคนร่วมกับการเติมไขมันตนเอง

แพทย์หญิงดารินทร์ ม่วงไทย แพทย์ศัลยกรรมผู้ได้รับการรับรองมาตรฐานจากหลายสถาบัน เช่น สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย แพทยสภา ฯลฯ และผู้อำนวยการบริหาร เดอะ ซิบส์คลีนิค ได้แถลงข่าว เปิดตัวนวัตกรรม Hybrid Breast เทคนิคการเสริมหน้าอกโดยการเสริมซิลิโคนร่วมกับการเติมไขมันตนเอง (Hybrid Breast = ไขมัน + ซิลิโคน) ณ โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว กรุงเทพ ฟอร์จูน

โดยแพทย์หญิงดารินทร์ได้กล่าวถึง เทรนด์การเสริมหน้าอกในปี2019 -2020 ว่า ‘กระแสตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่จะเริ่มหันมาเน้นความเป็นธรรมชาติมากกว่าแต่ก่อนซึ่งสมัยก่อนผู้หญิงหรือผู้ที่สนใจจะเสริมหน้าอก ต้องการเสริมให้ดูมีขนาดใหญ่ อกตูมๆแต่ช่วงนี้ก็หันมาเน้นให้ดูมีความธรรมชาติ ดูสมจริงมากที่สุด

ซึ่งเดอะ ซิบส์ คลินิค เองก็ได้เน้นการเสริมหน้าอกในลักษณะที่เหมาะสมกับสรีระที่สำคัญ เน้นความเป็นธรรมชาติ และมองถึงความปลอดภัยในระยะยาวที่สำคัญเราขึ้นชื่อด้านการศัลยกรรมเสริมหน้าอก และเป็นที่ยอมรับมีชื่อเสียงแถวหน้าของประเทศไทยอยู่แล้ว

จึงเป็นเหตุผลที่ได้มาเปิดตัวนวัตกรรม Hybrid Breast อย่างไรก็ตามผู้หญิงทุกคนล้วนใฝ่ฝันอยากมีหน้าอกที่สวยงามกระชับและพอดีกับสรีระของตนเองส่งผลให้การทำศัลยกรรมหน้าอกเป็นที่นิยมมากในกลุ่มสุภาพสตรี และสาวประเภทสองทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบันซึ่งการทำศัลยกรรมหน้าอกนั้น นอกจากจะต้องการให้หน้าอกมีขนาดที่ใหญ่แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือความเป็นธรรมชาติ และมีสัมผัสที่เสมือนหน้าอกจริงซึ่งเดอะ ซิบส์ คลินิก ของเรานั้นมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ คอยให้คำปรึกษา จึงสามารถวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาและแก้ไขได้ตรงจุด ใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอนการให้บริการคนไข้ตั้งแต่การปรึกษา ตลอดจนระหว่างการผ่าตัด รวมถึงการดูแลตัวเองหลังทำ สามารถเลือกใช้ซิลิโคนยี่ห้อที่ได้มาตรฐานจากThe U.S. Food and Drug Administration (FDA)

ที่สำคัญมีวิสัญญีแพทย์ตลอดการผ่าตัด เพราะเดอะ ซิบส์ คลินิก คำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้ที่เข้ารับการรักษาเป็นหลักซึ่งวิสัญญีแพทย์ จะคอยดูแลคนไข้ตลอดเวลาในระหว่างการผ่าตัดเพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น

การเสริมหน้าอกเทคนิคHybrid Breast คืออะไร? Hybrid Breast คือเทคนิคการเสริมหน้าอกโดยการเสริมซิลิโคนร่วมกับการเติมไขมันตนเองโดยแพทย์ผู้ทำจะทำการดูดไขมันจากบริเวณหน้าท้อง ต้นแขนหรือต้นขานำมาปั่นคัดแยกเซลล์ไขมัน จากนั้นแพทย์จะทำการฉีดไขมันกลับไปยังบริเวณรอบ ๆตำแหน่งที่ต้องการซึ่งทุกขั้นตอน มีความสำคัญมากๆ ตั้งแต่ เทคนิคการดูดไขมันขนาดของหัวดูด แรงที่ใช้ในการดูด การปั่นด้วยความเร็วรอบที่เหมาะสมระยะเวลาในการปั่น ตลอดไปจนถึง ขั้นตอนการฉีดไขมันกลับ

ขนาดหัวที่ใช้ในการฉีดแรงดันในการฉีด การเกลี่ยไขมัน การฉีดไขมัน ต้องทำด้วยความละมุนละม่อมเช่นกันทั้งนี้เพื่อให้เซลล์ไขมันได้รับแรงกระแทกและบอบช้ำน้อยที่สุดเพื่อให้การติดของเซลล์ไขมันมีมากที่สุดโดยไขมันจะไปทำหน้าที่เพิ่มความหนาของชั้นผิวหนัง ที่ปกคลุมซิลิโคนทำให้หน้าอกไม่ดูแข็งเป็นก้อน ไม่เป็นบล็อค แก้ไขปัญหาหน้าอกห่างหน้าอกเป็นคลื่นเป็นริ้ว ไม่มีเนินหน้าอกและสามารถแก้ไขการเห็นขอบซิลิโคนได้

เทคนิคการเสริมหน้าอก Hybrid Breast จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีรูปร่างผอมมีเนื้อหน้าอกที่ค่อนข้างน้อย แต่ต้องการเสริมหน้าอกให้ดูสวยเป็นธรรมชาติเนื่องจากผู้ที่มีรูปร่างผอมบางนั้น หากเสริมซิลิโคนเพียงอย่างเดียวอาจจะทำให้หน้าอกทำออกมาแล้วไม่เป็นธรรมชาติ เห็นขอบซิลิโคน และเป็นบล็อคการฉีดไขมันตนเองเข้าช่วยจะทำให้หน้าอกดูเติมเต็มและมีเนินอกที่สวยธรรมชาติไม่หลอกตาขณะเดียวกันการทำเทคนิคนี้ก็จะไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสริมซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่มากเนื่องจากการเสริมซิลิโคนขนาดใหญ่จะเป็นการเพิ่มแรงดันภายในทรวงอกส่งผลต่อการอยู่รอดของเซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไป ซึ่งหากเซลล์ไขมันที่ฉีดปลูกถ่ายเข้าไปนั้นหากปลูกถ่ายติดก็จะสามารถอยู่ภายในหน้าอกของเราไปได้ตลอดชีวิตอีกด้วย

คุณอินทิรา วรเมจกานนท์ – ผู้เคยเข้ารับบริการการเสริมหน้าอกHybrid Breast กล่าวว่า ‘การเสริมหน้าอกมีความสำคัญกับอาชีพ ถ่ายแบบ และการทำงานมากๆเพราะตอนที่ไม่มีหน้าอกทำให้ไม่มั่นใจ และการรับงานก็รับได้อย่างจำกัด หรือรับงานถ่ายแบบได้เฉพาะสวยใสน่ารักแต่พอได้มาเสริมหน้าอก ทำให้รู้สึกมั่นใจ เสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีและยังสามารถรับงานถ่ายแบบได้หลากหลายมากขึ้น และเพิ่มโอกาส ทางรายได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งกว่าตนเองจะได้เสริมหน้าอกเคยได้ไปปรึกษาที่คลินิกหลายๆแห่งแล้วแต่ไม่ทำให้ เพราะเป็นคนรูปร่างเล็ก หรือเรียกได้ว่าผอมมาก และน้ำหนักน้อยมีเนื้อบริเวณหน้าอกน้อยมากคลินิกหลายแห่งก็แนะนำว่าต้องไปเพิ่มน้ำหนักให้ได้เกณฑ์ก่อนจึงจะสามารถทำให้ได้ ก็เลยเสริชหาข้อมูลเพิ่มเติมมาเรื่อยๆจนมาพบเทคนิค Hybrid Breast ของเดอะ ซิบส์ คลินิก จึงนัดวันเข้ามารับคำปรึกษา

โดยคุณหมอดารินทร์ พูดถึงช่วงการผ่าตัด ใช้เวลาเพียงไม่นานเลย พอทำเสร็จตื่นมามีหน้าอก เหมือนเกิดใหม่เลยค่ะ และความเจ็บก็เล็กน้อยแต่ไม่สามารถเทียบกับความสุขได้เลย เพราะคุณหมอแนะนำให้ใช้ขนาดที่พอดีกับสรีระร่างกายน้ำหนัก และไม่แนะนำให้เสริมใหญ่ จึงได้หน้าอกสวยเป็นธรรมชาติ ถูกใจ ตามคอนเซ็ปต์ เหมือนแม่ให้มามากๆ เลยค่ะ ปัจจุบันทำมาแล้ว5 เดือน หลังจากทำมีนัดนวดอาทิตย์ละครั้ง ที่เดอะ ซิบส์ คลินิคเพื่อลดการเกิดพังพืด และทายา ซึ่งทำแล้วไม่เจ็บอย่างที่คิด จึงอยากขอฝากสำหรับใครที่คิดจะทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก ขอแนะนำให้มาปรึกษากับคุณหมอดารินทร์ได้ที่ เดอะซิบส์ คลินิก ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่ผิดหวังเลย เพราะฉะนั้น การเลือกคลินิก เลือกคุณหมอ สำคัญที่สุด อยากให้ เดอะซิบส์ คลินิก เป็นหนึ่งในตัวเลือกด้วยนะคะ’

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเสริมหน้าอก
– 48 ชั่วโมงแรก ห้ามแผลโดนน้ำ
– เช็ดตัวในการทำความสะอาดร่างกาย เมื่อ 1-2 สัปดาห์ผ่านไป แผลจะแห้งและสามารถอาบน้ำได้ตามปกติ
– งดใส่ยกทรงที่มีโครงเหล็ก 2-3 สัปดาห์ อาจเปลี่ยนเป็นยกทรงแบบ SPORT BRA
– รับประทานยาตามแพทย์สั่ง
– นวดหน้าอกตามคำแนะนำของแพทย์ นวดต่อเนื่องทุกวันวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที เป็นเวลา 6 เดือน หลังจาก 6เดือนไปแล้วให้นวดหน้าอกวันเว้นวัน
– 1-2 สัปดาห์ งดสูบบุหรี่ และ งดดื่มแอลกอฮอล์
– 2-3 สัปดาห์ งดออกกำลังกาย หรือ ยกของหนักควรหลีกเลี่ยง

The SIB Beauty Clinic

https://www.facebook.com/TheSiBBeautyClinic/

โทรปรึกษา : 088 222 8660

สาขา: ทองหล่อ

เซ็นทรัลบางนา

เซ็นทรัลพระราม2 และ เซ็นทรัลพระราม9