รีวิว Afternoon Tea แบบไทยต้นตำรับ โดย เชฟปิ๊ก คณิน สินพันธ์

ถ้าพูดถึง Afternoon Tea เดี๋ยวนี้เกือบทุกโรงแรมมีทั้งนั้น อาหารก็ตามแบบตามสไตล์ของโรงแรมนั้นๆ

“โรงแรมศิริ สาทร” ก็มี Afternoon Tea ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นมาก ทั้งอาหารและการตกแต่ง แบบไทยต้นตำรับ โดย เชฟปิ๊ก คณิน สินพันธ์ เชฟที่มีฝีมือดีเรื่องอาหารไทยโบราณอันดับต้นๆของเมืองไทยเป็นคนปรุงแต่งทั้งหมด

เชฟปิ๊ก คณิน สินพันธ์ ผู้เปี่ยมไปด้วยความรักและหลงไหลในอาหารไทยตั้งแต่เยาว์วัย จนได้รับรางวัลเหรียญทอง TICC 2 ปีซ้อนจาก TICC, Thailand International Culinary Classic Thai Cuisine: Individual (professional) ด้านอาหารไทยโบราณผู้ร้อยเรียงเรื่องราวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมผ่าน Afternoon Tea

หนึ่งในคอนเซปของ afternoon tea คือ ความเป็นมงคลดังนั้นจึงชื่อจะมีความหมายที่ดีและเลขศาสตร์ที่รวมแล้วเป็นมงคล พร้อมกับความคล้องจองของเซตชาทั้ง 4 ตามฉบับความเป็นเจ้าบทเจ้ากลอนของคนไทยและจำเป็นต้องมี “ศ” อยู่ในคำนั้นได้แก่

“ศิวนาถ” “ทิพยวิมานมาศ”

“เทวาวาศสถิตย์” “ฉกธรนิศส

โดยในแต่ละชุดจะเริ่มจาก “ศิริจตุรมาศ” ขนมทองอันเป็นมงคลทั้ง 4 ประกอบด้วย

ทองชมพูนุท (เมตตามหาเสน่ห่าและเป็นที่รัก) , ทองนพคุณ (คุณงามความดีและลาภยศสรรเสริญ) ทองเอก (การเป็นที่หนึ่ง ความก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน การได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง) และทองอัฐ (การมีเงิน มีทองเหลือกินเหลือใช้) โดยมีทั้งกระบวนการทำที่ละเมียดละเอียดอ่อนพร้อมความหมายที่เป็นมงคล

ชุดขนม “ศิริจตุรมาศ” จึงถูกจัดให้กับเซต Afternoon Tea ในทุกๆเซท

ชุด Afternoon Tea ของโรงแรมศิริ สาทร มีทั้งหมด 4 ชุด แต่วันนี้พิมซีพีเคได้มีโอกาสได้มาทานชุดที่อลังการที่สุดของเชฟปิ๊ก มีชื่อว่า “ศิวนาถ” ที่แปลว่า ที่พึ่งอันประเสิรฐ แค่ชื่อก็อลังการสุดๆ

แต่พอเดินเข้ามาที่ศิริทีรูม แล้วเห็นการจัดโต๊ะ ถึงกับต้องอ้าปากค้างกับความสวยงามของดอกไม้และความพิถีพิถันของคนจัด สวยงามมากจริงๆ ขอปรบมือให้ดังๆ

Afternoon Tea ประกอบด้วย ชุดขนม “ศิริจตุรมาศ” “กุ้งซ่อนกลิ่น” ขนมหวาน และ “เครื่องว่าง 6 รัชกาล” ปิดท้ายด้วย ส้มฉุน พร้อมชาร้อน 2 กา ให้บริการในราคา 1,790 บาท+

เมนูกุ้งซ่อนกลิ่น สวยมากเห็นแล้วไม่กล้ากินจริงๆๆ อยากจะมองจนให้ดอกไม้เหี่ยวไป 55!!

รสชาติอร่อยมากจริงๆ

กุ้งซ่อนกลิ่น เปิดสำรับเรียกน้ำย่อยด้วย กุ้งซ่อนกลิ่น กุ้งดิบที่ผ่านการทำให้สุกด้วยวิธี ‘สะเออะ’ เอากุ้งมาขยำกับเกลือและน้ำมะนาว

ทุกเมนูจะเสิร์ฟพร้อมชา “ภุมรินทร์ถวิลหา” หรือ ชาถวายตัว เชฟปิ๊กได้แรงบันดาลใจมาจาก ชาที่นางข้าหลวงดื่มก่อนการถวายตัวในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 โดยปรุงชาจากสมุนไพรและดอกไม้ไทย

ช่วยการไหลเวียนของเลือด ขับเหงื่อปนกลิ่นดอกไม้ที่ช่วยให้กลิ่นกายหอมด้วยสรรพคุณจากสมุนไพรไทยอย่างใบบัวบ ขลู่ และกลิ่นหอมเย้ายวนจากดอกไม้ไทยที่ประกอบด้วย จำปี จำปา กระดังงางาและลีลาวดี

นอกจากนี้ยังมี “ชานมัสการ” ชาสีเหลืองทองหอมด้วยดอกคาโมมายล์ มะตูม ชะเอม ดอกคำฝอย หญ้าหวาน จาก “สวรรค์บนดิน” แหล่งชาของไทย จังหวัดเชียงราย

“เครื่องว่าง 6 รัชกาล” คือ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ถูกส่งผ่านเมนูอาหาร โดยเริ่มจากปฐมบทรัชสมัยแห่งราชวงศ์จักรีด้วย

“ขนมค้างคาวเผือกเจ้าครอกทองอยู่”

รัชกาลที่ ๑ ขนมค้างคาวเผือกเจ้าครอกทองอยู่ “ขนมค้างคาวเจ้าครอกทองอยู่ ขนมไส้หมูเจ้าครอกวัดโพ” สำนวนนี้เป็นที่เล่าขานกันในหมู่ชาววัง เจ้าครอกทองอยู่ นั้นท่านมีฝีมือในการทำขนมค้างคาวมาก และทำถวายล้นเกล้ารัชกาลที่1 เรื่อยมา

ต่อด้วยความรุ่งเรืองทางศิลป์ของรัชกาลที่ 2 ด้วยเมนู “ช่อมวงไส้ปูและแสร้งว่ากุ้ง”

รัชกาลที่ ๒ ช่อม่วงไส้ปู

ช่อม่วงเหมาะมีรส หอมปรากฏกลโกสุม คิดสีสไลคลุม

หุ้มห่อม่วงดวงพุดตาน พระราชนิพนธ์ฯ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศเหล้านภาลัย

ตามพระราชนิพนธ์ฯ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

“ปลาแห้งแตงอุลิด”

รัชกาลที่ ๓ ปลาแห้งแตงอุลิด จากวรรณกรรรมของกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สุนทรภู่เมนูปลาแห้งแตงโม เป็นเมนูที่นิยมใน่ช่วงสมัยนั้น มีทั้งบันทึกทางประวัติศาสตร์และวรรณกรรม

ถูกยกเข้ามาในยุคของรัชกาลที่ 3 เจ้าสัวแห่งราชวงศ์ จากวรรณกรรม พระอภัยมณี ตอน อภิเษกหัสไชย กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สุนทรภู่ ซึ่งประพันธ์ในราวปี พ.ศ. 2364-2366 ถัดมาเข้าสู่รัชสมัยแห่งวิทยาศาสตร์ไทยในรัชกาลที่ 4 ด้วยเมนู

“ม้าฮ่อพระนครคีรี”

เครื่องว่างผลไม้รสเปรี้ยว เชฟปิ๊กเลือกใช้สัปปะรดจากจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรมยังต่างจังหวัด เดินทางสู่รัชสมัยแห่งการปฏิรูปด้วยเมนู

“หมี่กรอบพระพุทธเจ้าหลวง” (ขอบคุณรูปจากโรงแรม)

รัชกาลที่ ๕ หมี่กรอบพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปรากฏหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรว่าทรงโปรด หมี่กรอบและหมี่ผัด หมี่กรอบนี้เป็นสูตรที่คนจีนคิดค้นให้ถูกลิ้นคนไทย นำเส้นหมี่ไปทอดแล้วคลุกกับน้ำปรุงซึ่งให้รสชาติแบบไทยทำจากน้ำส้มมะขาม น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ แล้วบีบน้ำส้มซ่าลงไป

โดยมีปรากฎเป็นลายลักษณ์อักษรว่าทรงโปรด หมี่กรอบและหมี่ผัด และสุดท้าย “เมี่ยงคำ”

รัชกาลที่ ๖ เมี่ยงคำ “เมื่ยงคำน้ำลายสอ เมี่ยงสมอเมี่ยงปลาทู ข้าวคลุกคลุกไก่หมู น้ำพริกกลั้วทั่วโอชา” บทพระราชนิพนธ์ “กาพย์เห่ชมเครื่องว่าง” ของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

ในบทพระราชนิพนธ์ “กาพย์เห่ชมเครื่องว่าง” โดยเมนูเชฟปิ๊กใช้กรรมวิธีการทำแบบสมัยใหม่โมเลกุล่าสเฟียร์กับน้ำเมี่ยงคำ ให้เข้ากับรัชสมัยแห่งศิลปะการแสดงและอิทธพลของตะวันตก

ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น เรียก “ส้มฉุน” ใช้นามกร

หวนถวิลลิ้นลมงอน  ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน

ยกมาจาก กาพย์เห่ชมเครื่องคาว-หวาน(กาพย์เห่ชมผลไม้) บทพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ล้นเกล้ารัชกาลที่ 2

มาถึงอาหารหวาน ผลไม้ลอยแก้วที่อร่อยมาก หอมน้ำส้มซ่า รสชาติกลมกล่อมไม่เปรี้ยวและไม่หวานจนเกินไปอร่อยจริงๆ

ส้มฉุน ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่นเรียก ส้มฉุน ใช้นามกร หวนถวิลลิ้นลมงอน ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน” …กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ส้มฉุน เมนูขนมหวานที่มีกล่าวถึงใน กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานโดยส้มฉุนนั้นหมายถึงผลไม้ที่ปรุงกับน้ำลอยแก้ว มีจุดเด่นอยู่ที่น้ำและผิวของผลส้มซ่าทำให้ได้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ส้มฉุนถ้วยนี้จะถูกเสิร์ฟบน กรานิต้า เกร็ดน้ำแข็ง

น้ำส้มฉุนที่ผ่านการปรุงรสข้ามคืนที่มีทั้งหวานอมเปรี้ยว ปรุงกลิ่นจากส้มซ่า ปรุงสีจากใบเตยคั้นสด นำมาแช่แข็งและขูดเป็นไอติมเกร็ดน้ำแข็ง โรยหน้าด้วยขิงอ่อนมะม่วงเปรี้ยวและหอมเจียว รสแรกที่เข้าปากคือเปรี้ยวและกลิ่นของของขิงอ่อนซอยบางผสมมะม่วงกลิ่นของขิง ส้มซ่าและหอมเจียวผสามนขึ้นจมูกยิ่งทำให้สดชื่นและเคี้ยวลอยแก้วมะยงชิดทิ้งรสหวานไว้สุดท้ายที่ทั้งหวาน หอม สดชื่น

ขนมหวานผกากรอง ขนมหวานไทยประยุกต์สมัยใหม่หอมควันเทียนไส้ถั่ว ตกแต่งมาสวยมาก

ข้าวเหนียวมะม่วง

ข้าวเหนียวมะม่วงประยุกต์ให้ทันสมัย เพิ่มลูกเล่นของข้าวเหนียวมูนด้วยฝอยทองตัดรสหวานด้วยเจลรสมะม่วง และมะม่วงสุก

เมนูสุดท้าย

“ตะโก้สาคูกะทิสด” อร่อยสุดๆอยากจะกินให้หมดทั้งถาด

อร่อยจนหยุดกินไม่ได้จริงๆ

สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณเชฟปิ๊ก ที่ได้สร้างสรรค์อาหารสุดอร่อยมาให้พิมซีพีเคและเพื่อนได้ทาน ประทับใจทุกคำ ทุกจาน ทุกคำบรรยาย อร่อยและได้ความรู้กลับบ้านพร้อมกับรอยยิ้มจริงๆ

โรงแรมศิริ สาทร

โรงแรมประกอบด้วยห้องสวีท 108 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันที่ง่ายต่อการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสถานีศาลาแดง ศิริ สาทรจึงที่เป็นโรงแรมสุขภาพระดับสากลแห่งแรกในใจกลางย่านธุรกิจอย่างเขตสาทรโดยการนำเสนอที่ผ่านการผสมผสานทั้งชีวิตการทำงาน พักผ่อน และสุขภาพอย่างลงตัว ศิริ สาทรจึงมุ่งเน้นความเป็นพิเศษและจุดเด่นของของสถานที่ตั้งผ่านแนวคิดด้านสุขภาพในรูปแบบของโรงแรมและความร่วมสมัยอย่างแท้จริง โดยรวบรวมความเป็นเอกลักษณ์ของการใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ในแบบเวลบีอิ่ง(Well-being)

รายละเอียดราคา ทั้งหมด 4 ชุด ได้แก่

“ทิพยวิมานมาศ” Afternoon Tea ที่ประกอบด้วย ชุดขนม “ศิริจตุรมาศ” และเครื่องว่าง 3 ชนิดในชุดเครื่องว่าง 6 รัชกาล(ไม่สามารถเลือกได้ และตะโก้สาคูมะพร้าวอ่อน พร้อมชา 1กาในราคา 350บาท ++

“เทวาวาศสถิตย์” ดั่งอาหารจากบนสวรรค์, Afternoon Tea ที่ประกอบด้วย ชุดขนม “ศิริจตุรมาศ” ขนมหวาน และ “เครื่องว่าง 4 รัชกาล” พร้อมชาร้อน 2 กาในราคา 790 บาท++

“ฉกธรนิศสมัย” เครื่องว่าง 6 แผ่นดิน, Afternoon Tea ที่ประกอบด้วย ชุดขนม “ศิริจตุรมาศ” ขนมหวาน และ “เครื่องว่าง 6 รัชกาล” ปิดท้ายด้วย ส้มฉุน พร้อมชาร้อน 2 กา ในราคา 1,290 บาท++

“ศิวนาถ” ที่พึ่งอันประเสิรฐ , Afternoon Tea ที่ประกอบด้วย ชุดขนม “ศิริจตุรมาศ” “กุ้งซ่อนกลิ่น” ขนมหวาน และ “เครื่องว่าง 6 รัชกาล” ปิดท้ายด้วย ส้มฉุน พร้อมชาร้อน 2 กาในราคา 1,790 บาท++

Thai Afternoon Tea

ให้บริการในช่วงเวลา 14.00 –17.00น.

พิกัด: โรงแรมศิริ สาทร ซอยศาลาแดง1

**สำหรับผู้ที่สำรองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้นเนื่องจากเชฟปรุงเมนูทุกอย่างสดใหม่ทุกเมนู**

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่

โทร. 02-2662345

เว็บไซต์ www.sirisathorn.com

https://www.facebook.com/sirisathorn

อีเมล liquidbar@sirisathor